อุทัย พิมพ์ใจชน อดีต ส.ส.ชลบุรี อนันต์ ภักดิ์ประไพ อดีตส.ส.พิษณุโลก และ บุญเกิด หิรัญคำ อดีต ส.ส.ชัยภูมิ เคยยื่นฟ้อง จอมพล ถนอม กิตติขจร กับพวกรวม 17 คน ต่อศาลอาญา ฐาน “ก่อกบฏ”
ก่อรัฐประหาร ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย ก็ต้องกล่าวหาว่า “กบฏ” !
แต่คนที่ฟ้องกลับถูก “ถนอม” หัวหน้าคณะปฏิวัติ ออกคำสั่งให้จำคุก
“อุทัย” 10 ปี อนันต์ กับบุญเกิด คนละ 7 ปี ติดคุกจริงๆ ตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2515
เมื่อเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ที่ปิดฉากระบอบ “ถนอม- ประภาส” สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จึงลงมติประกาศใช้ พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่งหัวหน้า
คณะปฏิวัติฉบับนั้น ทำให้ “อุทัย-อนันต์-บุญเกิด” ได้รับการปล่อยตัว วันที่ 26 มกราคม 2517
จากนั้นมายังไม่เห็นมีคนที่กล้า “แจ้งความ” หรือ “ฟ้องศาล” คณะรัฐประหารว่าล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ที่มีอีกครั้งในเดือนกันยา 2549 ก็ไม่ได้แจ้งความ ไม่ได้ฟ้องศาล
“ลุงนวมทอง ไพรวัลย์” ขับรถแท็กซี่เข้าชนรถถัง !
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะรัฐประหารไม่ได้สั่งจับ “ลุงนวมทอง” แต่ พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ รองโฆษกคณะรัฐประหารหยามหยันว่า “ไม่มีใครที่มีอุดมการณ์มากถึงขนาดยอมพลีชีพได้”
คล้ายกับว่า การขับรถแท็กซี่เข้าชนรถถังเป็นเพียงละครฉากหนึ่ง
อีกไม่กี่วันต่อมา “ลุงนวมทอง” ใส่เสื้อยืดที่มีข้อความบทกวีของ “ศรีบูรพา” กับ “รวี โดมพระจันทร์” แล้วไปผูกคอตายที่สะพานลอยถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก เยื้องสำนักงาน นสพ.ไทยรัฐ ลบคำสบประมาทนักรัฐประหาร
การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยเกิดขึ้นจริง และเกิดบ่อยครั้ง แต่น้อยนักที่จะมีคนต้าน
ที่ถูกต่อต้าน มักเป็นคนที่ “ไม่เอารัฐประหาร” !
กระทั่งในวันนี้ ใครเปิดหน้าสู้อย่างเปิดเผยว่า ไม่นิยมเผด็จการ หรือสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มที่ไม่เอารัฐประหาร จะถูกรุมกระหน่ำด้วยวาทกรรมก่อความเกลียดชัง เช่น ชังชาติ เนรคุณแผ่นดิน
สังคมไทยเปลี่ยนไปมาก คนจำพวกหนึ่งนิยมยกย่องเชิดชูคนมีปืนมีพวกมีอำนาจ ใช้ความเข้มแข็งกว่า เหนือกว่า คุกคามข่มเหงรังแก ติดตามทำลายล้างคนที่อ่อนแอกว่าทุกทาง
ไม่เว้น “พื้นที่ยืน” ให้แม้แต่กับเด็กหญิงชายเยาวชนรุ่นลูกหลาน
ไม่มีใครทำนายได้ว่าพฤติกรรมของผู้อำนาจในทุกวันนี้จะนำไปสู่สถานการณ์แบบใดในวันข้างหน้า !?!!
