อัยการฟ้องทพ.หญิง ให้ศาลสั่งล้มละลาย แฉขายทรัพย์เกลี้ยง ขู่เล่นงานกลับมหิดล

เลขาฯกกอ. เผยอัยการส่งฟ้องล้มละลาย ทพญ.แล้ว ชี้เป็นกรณีเดียวที่ไม่ยอมชดใช้ทุนคืน ผู้บริหาร ม.มหิดลแฉเจอขายทรัพย์สินในเมืองไทยหมดแล้ว-แถมส่งทนายขู่ฟ้อง ห้ามติดต่อมหา’ลัยฮาร์วาร์ด อ้างเรื่องส่วนตัว หมอเผด็จโต้แค่ลดกระแส-ยื้อเวลา

มม.เจอขายทรัพย์สินหมดแล้ว

จากกรณีทันตแพทย์ (ทพ.) เผด็จ พูลวิทยกิจ 1 ในผู้ค้ำประกันให้ ทพญ.ดลฤดี จำลองราษฎร์ อดีตอาจารย์คณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) ในการขอทุนไปเรียนต่อปริญญาโท และเอก ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบายความในใจเนื่องจากต้องชดใช้หนี้จำนวน 2 ล้านกว่าบาท จากการเซ็นค้ำประกันให้ ทพญ.ดลฤดี ซึ่งภายหลัง ทพญ.ดลฤดี เรียนจบกลับไม่ยอมกลับมาใช้ทุน ทำให้ ทพ.เผด็จ อาจารย์ และเพื่อนทันตแพทย์ รวม 4 คน ต้องจำยอมชดใช้หนี้จากการเซ็นค้ำประกันสูงถึง 8 ล้านบาท ล่าสุดทางผู้บริหาร มม.ได้เปิดแถลงข่าวเพื่อออกมาชี้แจงข้อสงสัยต่างๆ พร้อมทั้งเตรียมฟ้อง ทพญ.ดลฤดี ให้เป็นบุคคลล้มละลายนั้น

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ทพ.พาสน์ศิริ นิสาลักษณ์ คณบดีคณะทันตแพทย์ มม.เปิดเผยสาเหตุที่ต้องฟ้องล้มละลายก็เพื่อให้ยึดทรัพย์สินของ ทพญ.คนดังกล่าวในประเทศไทยได้ แต่เท่าที่สำรวจไม่พบว่ามีทรัพย์สิน เพราะได้ขายหมดแล้ว ดังนั้นสิ่งที่จะดำเนินการได้ตามกฎหมายเมื่อฟ้องล้มละลายคือ กรณีเดินกลับเข้าประเทศจะจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ทันที ทั้งนี้ได้รวบรวมข้อเสนอแนะทางกฎหมาย ที่หลายคนเสนอมาในช่องทางต่างๆ อาทิ เสนอให้ มม.ฟ้องศาลสหรัฐ เพื่อให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดหักเงินเดือนใช้หนี้ รวมถึงข้อเสนออื่นๆ ที่ มม.จะดำเนินการได้เสนอ นพ.อุดม คชินทร อธิการบดี มม.พิจารณาเพื่อดำเนินการต่อไป

เผยมี3สัญญาชดใช้หนี้ทุน

“เมื่อครบกำหนดการชดใช้หนี้แล้วทาง ทพญ.และผู้ค้ำประกันไม่มีใครติดต่อมา มม.จึงฟ้องศาลปกครองเพื่อบังคับคดีให้ผู้ค้ำประกัน และผู้รับทุน ชดใช้หนี้ 3 สัญญา ได้แก่ 1.สัญญาการเป็นนักศึกษาเพื่อศึกษาวิชาทันตแพทยศาสตร์ 4 แสนบาท ซึ่งสัญญานี้อาของ ทพญ.เป็นผู้ค้ำประกัน และได้ชำระหนี้แล้ว 2.สัญญาของข้าราชการที่ไปศึกษา หรือฝึกอบรม ณ ต่างประเทศ ซึ่งต้นสังกัดยังจ่ายเงินเดือน เป็นเงินประมาณ 6 แสนบาท รวมเบี้ยปรับ 2 เท่า รวมเป็นเงิน 1.8 ล้านบาท ส่วนนี้ทางผู้ค้ำประกันได้ชดใช้หนี้แล้ว และ 3.สัญญาการรับทุนรัฐบาล เพื่อศึกษาวิชาในต่างประเทศ ซึ่งเป็นปัญหาที่ผู้ค้ำประกันได้รับความเดือดร้อน โดย ทพญ.ใช้เวลาเรียน 10 ปี เป็นเงิน 8 ล้านบาท เมื่อรวมกับเบี้ยปรับ 2 เท่า (16 ล้านบาท) เป็นเงิน 24 ล้านบาท เมื่อรวมดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันที่ผิดสัญญาถึง ณ ปัจจุบัน เท่ากับ ทพญ.ต้องชดใช้หนี้รวมทั้งหมดกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งตรงนี้ยังไม่แน่นอน เพราะอัตราดอกเบี้ยเมื่อปี 2549 อยู่ที่ 15% ต่อปี แต่ปัจจุบันปรับลดเหลือ 7.5% ต่อปี จึงต้องคำนวณอีกรอบว่าจะคิดดอกเบี้ยอย่างไร และรวมยอดที่ทันตแพทย์หญิงต้องชำระอยู่ที่เท่าใด” ทพ.พาสน์ศิริกล่าว

Advertisement

มม.อ้างทพญ.ส่งทนายขู่ฟ้อง

ทพ.พาสน์ศิริกล่าวอีกว่า กรณีผู้ค้ำฯ ที่ใช้เงินแทน ทพญ. 8 ล้านบาทนั้น กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ลดให้เฉพาะกรณี ให้ชำระเพียงเงินต้น และผู้ค้ำฯ ได้ชำระหนี้หมดแล้ว จึงถือว่าคดีนี้ได้สิ้นสุดลง ก่อนหมดอายุความวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2559 แต่ในส่วนของ ทพญ.ยังไม่ถือว่าสิ้นสุด เพราะยังไม่ได้ใช้หนี้ทุน ดังนั้นการดำเนินคดีกับ ทพญ.ถือเป็นอีกคดีหนึ่งเพื่อเรียกเงินคืน ส่วนที่ ทพ.เผด็จ ผิดหวังกรณีที่ มม.แถลงนั้น ส่วนตัวเข้าใจ ผู้ค้ำฯ คงเสียความรู้สึก เพราะ ทพ.เผด็จไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ทพญ.คนดังกล่าว และไม่ใช่ญาติ แต่ต้องใช้หนี้แทน ที่ผ่านมา มม.พยายามช่วยเต็มที่ แต่อยากให้ทุกคนเข้าใจ เพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย เป็นเงินของแผ่นดิน จึงต้องทำตามขั้นตอน ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ ทางคณะทันตแพทย์ และ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อดีตอธิการบดี มม.และ นพ.อุดม อธิการบดีคนปัจจุบัน ได้ทำหนังสือถึงฮาร์วาร์ด 3 ฉบับ เพื่อแจ้งว่ามีบุคลากรของฮาร์วาร์ดทำผิดสัญญาการใช้ทุน แต่ฮาร์วาร์ดตอบกลับว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล และให้ประสานไปยัง ทพญ.ต่อมา ทพญ.ให้ทนายความทำหนังสือถึง มม.ห้ามติดต่อไปยังฮาร์วาร์ดอีก ไม่เช่นนั้นจะฟ้อง มม.เพราะการเปิดเผยหนี้สินส่วนบุคคลถือว่าผิดกฎหมายสหรัฐ ส่วนที่ศาลมีคำสั่งยกคำร้องกรณี มม.ขอขยายเวลาการบังคับคดีนั้น เป็นเรื่องของการตีความช่วงเวลาอายุความในคดีดังกล่าว แต่ถือว่าไม่มีผลอะไร เพราะกรณีนี้ผู้ค้ำได้ชำระเงินเรียบร้อยแล้ว จึงถือว่าจบก่อนคดีจะหมดอายุความ

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ ทพญ.หนีทุนไม่ยอมใช้หนี้ จะถือว่าเป็นการฉ้อโกง และฟ้องดำเนินคดีอาญาได้ด้วยหรือไม่นั้น ทพ.พาสน์ศิริกล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้ ต้องถามฝ่ายกฎหมายว่าทำได้หรือไม่ และหากฟ้องอาญาได้ จะทำหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ มม.

อดีตอจ.อ้างกำลังหาเงินจ่ายผู้ค้ำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเช้าวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ทพ.เผด็จได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งเป็นข้อความจาก ทพญ.ดลฤดี ที่ส่งอีเมล์ถึงเพื่อนที่เป็นผู้ค้ำประกัน ใจความว่า “ตามที่เคยบอกไปแล้วหลายครั้งก่อนหน้านี้กับทุกคุณ พี่ปุ้ย, พี่เผด็จ และอาจารย์อารยา ว่าฉันจะจ่ายเงินทั้งหมดให้ ทั้งเงินที่กู้มาพร้อมดอกเบี้ย ฉันยังคงกำลังมองหาหนทางที่จะหาเงินมาเพื่อจ่ายให้กับพวกคุณ และถ้าเป็นไปได้ คงจะดีกว่าถ้าคุณฟังจากฉันโดยตรง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าฉันจะทำตามที่สัญญาไว้ ฉันเพิ่งพูดกับพี่ปุ้ย และเธอก็รับทราบถึงความตั้งใจ และความจริงใจของฉัน กรุณาให้เบอร์โทรศัพท์ และเวลาที่สะดวกที่ฉันจะโทรหาคุณได้ ปอร์เช่”

Advertisement

ทพ.เผด็จจวกสร้างภาพ-ยื้อเวลา

ทพ.เผด็จเปิดเผยว่า กรณีที่อดีตทันตแพทย์หญิงติดต่อกลับมายังผู้ค้ำประกัน ทำนองยืนยันความจริงใจที่จะชดใช้หนี้นั้น เป็นการยื้อเวลา สร้างภาพ และหวังลดกระแสสังคมเท่านั้น เพราะอดีตทันตแพทย์หญิงรายนี้มีหมายเลขบัญชี และหมายเลขโทรศัพท์ของพวกตนทุกคน ถ้ามีความจริงใจจริง ทำไมไม่ชดใช้เงินเท่าที่มีอยู่ให้กับผู้ค้ำประกันก่อน จากนั้นก็ทำสัญญากู้เพื่อยืนยันความจริงใจที่จะชดใช้ในส่วนที่เหลือ แต่กลับอีเมล์ตอบกลับมาลักษณะเดิมๆ ที่หวังยื้อเวลาเท่านั้น สะท้อนถึงความไม่จริงใจ เพราะจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีคำขอโทษจากอดีตทันตแพทย์หญิงรายนี้

ร้องขอสตง.-ตรวจสอบม.มหิดล

“ความจริงมีความไม่ชอบมาพากลกับการที่ผู้บริหาร มม.สมัยนั้นอนุมัติให้อดีตทันตแพทย์หญิงลาออกในปี 2547 โดยให้มีผลย้อนหลังไปยังปี 2546 แถมคนที่อนุมัติให้ลาออกขณะนั้น อ้างกับพวกผมในตอนนั้นว่าเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ไม่ทราบเรื่อง แต่เมื่อเร็วๆ นี้ พวกผมเพิ่งตรวจสอบข้อมูล พบว่าคนที่ทำเรื่องอนุมัติให้ลาออก ก็เป็นคนๆ เดียวกัน ดูแล้วมีความไม่ชอบมาพากล ไม่รู้ว่าอดีตทันตแพทย์หญิงรายนี้มีการตกลงอะไรกับคนนั้นหรือไม่ ถึงได้มาไล่บี้เอาแต่กับพวกผมเพื่อปิดคดี เพราะถ้าปิดคดีได้ ก็ถือเป็นผลงานของเขา ซึ่งถ้าผู้ค้ำประกันจ่ายเงียบๆ โดยไม่ออกมาเปิดเผย เรื่องก็คงเงียบ และจบไปแล้ว จึงอยากให้สภาทนายความ และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้เข้าไปตรวจสอบมหาวิทยาลัยมหิดลในกรณีนี้” ทพ.เผด็จกล่าว

อัยการส่งฟ้องศาลล้มละลายแล้ว

เวลา 13.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) พญาไท กรุงเทพฯ น.ส.อาภรณ์ แก่นวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) พร้อมด้วยนายสุทน เฉื่อยพุก ผู้อำนวยการสำนักนิติการ สกอ. ร่วมกันแถลงข่าวกรณีอดีตอาจารย์คณะทันตแพทย์ มม.ไม่ชดใช้ทุนรัฐบาลตามสัญญา โดย น.ส.อาภรณ์กล่าวว่า สกอ.ได้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอด มีการมอบหมายให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ดำเนินการแทน สกอ.ในการฟ้องล้มละลายตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา และอัยการได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายไปเรียบร้อยแล้ววันที่ 21 ธันวาคม 2558 คดีหมายเลขดำที่ ล.3603/58 ส่วนกรณีที่นักวิชาการแสดงความคิดเห็นว่า การฟ้องร้องล้มละลายไม่มีประโยชน์นั้น ขั้นตอนการฟ้องร้องล้มละลายถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่สามารถกระทำได้ ซึ่งภายหลังที่ได้มีการฟ้องละลายจะมีอายุความเพียง 3 ปี เนื่องจากเป็นการฟ้องล้มละลายที่ไม่ใช่การทุจริต เพราะหากเป็นการฟ้องล้มละลายจากการทุจริตจะมีอายุความถึง 10 ปี ทั้งนี้ การตามทวงหนี้หาก ทพญ.คนดังกล่าวไม่เข้ามาในประเทศไทย การฟ้องร้องเป็นบุคคลล้มละลายก็ไม่สามารถเอาผิดได้ เพราะคำพิพากษาเป็นไปตามกฎหมายไทย มีผลผูกพันในราชอาณาจักรไทยเท่านั้น

เผยทพญ.เป็นรายเดียวที่ไม่ยอมชดใช้

“เรื่องทุนเราไม่ได้อยากได้เงินคืนเพราะส่งนักเรียนไปมีความคาดหวังว่าจะกลับมาเป็นอาจารย์ที่ดี เราอยากได้นักเรียนทุนกลับมาเพื่อสอนหนังสือ ทำงานตามเวลาที่ได้ระบุไว้ในสัญญา การฟ้องร้องล้มละลายเป็นขั้นตอนสุดท้าย ที่ผ่านมาจากผู้รับทุนของ สกอ.กว่า 5,000 คน ในโครงการทุนพัฒนาอาจารย์สาขาขาดแคลน 16 สาขา มีผู้ที่ผิดสัญญาเพียง 23 คน ด้วยเหตุผลต่างๆ อาทิ มีครอบครัว หรือสอนไม่ครบเวลาแต่ขอเปลี่ยนเป็นการชำระเงินแทน จะมีเพียงกรณี ทพญ.คนนี้เท่านั้นที่ไม่มีการใช้ทุนและเงิน” เลขาธิการ กกอ.กล่าว

น.ส.อาภรณ์กล่าวต่อว่า สกอ.ได้ปฐมนิเทศให้ผู้รับทุนทราบมาโดยตลอด ถึงความรับผิดชอบและข้อตกลงในสัญญา พร้อมย้ำให้เข้าไปคุยกับต้นสังกัดบ้าง หากปิดเทอมหรือได้กลับมายังประเทศไทยเพื่อสร้างความคุ้นเคยและความผูกพันระหว่างผู้รับทุนกับต้นสังกัด ส่วนกรณีที่ ทพญ.ส่งข้อมูลผ่านเพื่อนอาจารย์ผู้ค้ำประกันว่า ยินดีจะคืนเงินให้นั้นส่วนตัว มองว่ากลับมาทำงานใช้ทุนง่ายกว่า และต่อให้ขณะนี้แต่งงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ให้พาสามีกลับมาเปิดคลินิกหมอฟันในประเทศไทยได้

ชี้ต้องจ่ายคืนมากกว่า30ล้านบาท

นายสุทนกล่าวว่า ในการติดตามทวงหนี้ทุนเมื่อศาลปกครองมีคำพิพากษาให้ ทพญ.คนดังกล่าวต้องชดใช้ทุน 30 ล้านบาท ซึ่ง สกอ.ได้มอบให้ มม.เป็นผู้ดำเนินการ แต่เมื่อไม่มาชำระ จึงไปดำเนินการสืบทรัพย์ของลูกหนี้ เพราะหากมีทรัพย์ก็จะบังคับยึดทรัพย์มาขายทอดตลาด เพื่อชำระหนี้ แต่เมื่อผ่านมา 8-9 ปีแล้ว การสืบทรัพย์ไม่พบทรัพย์สินใดๆ จำต้องดำเนินการตามกระบวนการสุดท้ายทางกฎหมาย คือฟ้องล้มละลาย เพราะถือว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวเกินกว่า 1 ล้านบาท เข้าข่ายเป็นบุคคลล้มละลาย

“หากทันตแพทย์หญิงต้องการชำระหนี้ทุนคืนในขณะนี้จำนวนเงินที่จะมากกว่า 30 ล้านบาท ที่ศาลได้มีคำตัดสินเมื่อปี 2549 เนื่องจากเงิน 30 ล้านบาทเป็นเพียงเงินต้น แต่ทันตแพทย์หญิงไม่ได้มาชำระตามเวลาที่กำหนด ดังนั้น จะต้องเสียค่าปรับพร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อปีด้วย หากทันตแพทย์หญิงคนดังกล่าวยอมชำระคืน การคืนเงินจำนวน 8 ล้านบาท ให้กับผู้ค้ำประกันก็จะเป็นเงื่อนไขที่ต้องคุยกับกรมบัญชีกลางอีกครั้งหนึ่งว่าจะสามารถคืนเงินให้กับผู้ค้ำประกันได้หรือไม่” นายสุทนกล่าว

ศาลยกฟ้องขอยืดเวลาบังคับคดี10ปี

นายภัทรภาส ทัดศรี อดีตอาจารย์วิชากฎหมายแพ่งพาณิชย์และกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีที่ สกอ.ฟ้องล้มละลาย ทพญ.ว่า การฟ้องล้มละลายในประเทศไทยสามารถทำได้ แต่ไม่มีผลโดยตรงต่อทรัพย์สินของ ทพญ.ในสหรัฐ และหากจะยึดทรัพย์สินทางเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จากประเทศไทย จะต้องไปทำเรื่องขอดำเนินคดีควบคู่ตามกฎหมายของสหรัฐอีกครั้ง ซึ่งจะใช้ระยะเวลายาวนาน มีความสลับซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ส่วนที่ถามว่าคำสั่งศาลให้ผู้ถูกฟ้องร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินให้แก่ผู้ฟ้องพร้อมดอกเบี้ย จะหมดอายุความในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ จะมีผลอะไรกับ ทพญ.คนดังกล่าว ในกรณีที่ผู้ค้ำประกันได้ชำระหนี้แทนแล้ว ชี้แจงว่าการชำระหนี้ของผู้ค้ำประกัน จะมีผลปลดหนี้ที่ ทพญ.มีต่อเจ้าหนี้ตามจำนวนที่ได้ชำระไป ขณะเดียวกัน ผู้ค้ำประกันจะได้แทนสิทธิของเจ้าหนี้ ดังนั้น หากมีหนี้ 30 ล้านบาท เมื่อผู้ค้ำประกันชำระแก่เจ้าหนี้ไป 8 ล้านบาท ทพญ.คนดังกล่าวจะเหลือหนี้ค้างชำระแก่เจ้าหนี้จำนวน 22 ล้านบาท และมีหนี้ค้างชำระ 8 ล้านบาทแก่ผู้ค้ำฯ ตามที่ได้รับแทนสิทธิจากเจ้าหนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า มม.น่าจะบังคับชำระหนี้ไม่ทันเพราะเหลือเวลาแค่สัปดาห์เดียวก่อนจะหมดอายุความในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ นายภัทรภาสกล่าวว่า ต้องอ่านคำพิพากษาที่ศาลยกฟ้องเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2559 กรณีที่ มม.ขอขยายเวลาบังคับคดี 10 ปี ซึ่งศาลยกคำร้องและบอกให้ไปปฏิบัติตามคำสั่งของศาลก่อน คำถามคือ มม.ทำตามขั้นตอนที่ศาลว่าครบถ้วนหรือยัง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image