เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า แม้ประเทศไทยจะไม่พบโรคไข้หวัดนกในประเทศมานานกว่า 5 ปี แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่โรคนี้อาจกลับมาระบาดได้อีก เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน และรายงานขององค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) ที่รายงานพบการระบาดในประเทศเพื่อนบ้านของไทยระหว่างวันที่ 1 มกราคม-25 กรกฎาคม 2559 จึงได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) โรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ เตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่องใน 6 มาตรการ ที่ได้ให้ทุกจังหวัดปฏิบัติแนวเดียวกัน ได้แก่ 1.เฝ้าระวังจับตาสัญญาณการระบาดในผู้ป่วย 4 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ป่วยติดเชื้อทางเดินหายใจรุนแรง, ผู้มีอาการปอดบวมหลังเดินทางกลับจากต่างประเทศ, ผู้ป่วยปอดบวมที่พบเป็นกลุ่มตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปในชุมชน และบุคลากรทางการแพทย์ที่ป่วยเป็นปอดบวม 2.การตรวจเฝ้าระวังตรวจจับเชื้อไข้หวัดนกทางห้องปฏิบัติการ ในกระทรวงสาธารณสุขและมหาวิทยาลัย 3.ดูแลรักษาพยาบาล ใช้แนวทางการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ และการป้องกันการติดเชื้อตามมาตรฐานไข้หวัดนก 4.เพิ่มการให้ความรู้แก่ประชาชนเรื่องการรักษาพฤติกรรมสุขภาพ เช่น การล้างมือ หรือให้ผู้ป่วยไข้หวัดสวมหน้ากากอนามัยและหยุดพักผ่อนอยู่บ้าน รวมทั้งหลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ เนื่องจากมีข้อมูลทางวิชาการพบว่า สัตว์ปีกที่ติดเชื้อเอช 7 เอ็น 9 (H7N9) ไม่มีอาการป่วยและไม่ตาย โดยให้ล้างมือหลังสัมผัสสัตว์ รวมทั้งไม่นำสัตว์ที่ป่วยตายผิดปกติมาขายหรือรับประทาน 5.เตรียมพร้อมยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ป้องกันร่างกาย 6.เตรียมการตรวจคัดกรองบริเวณช่องทางเข้า-ออกประเทศ โดยยึดปฏิบัติตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก
ด้าน นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกภาคพื้นแปซิฟิกตะวันตกได้รายงานผู้ป่วยด้วยโรคไข้หวัดนก สายพันธุ์ A (H5N1) ทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2546 จนถึงวันที่ 29 กรกฎาคม 2559 พบรายงานผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อโรคไข้หวัดนกแล้ว 851 ราย เสียชีวิต 450 ราย ใน 16 ประเทศ ได้แก่ อาเซอร์ไบจาน บังกลาเทศ กัมพูชา แคนาดา จีน จิบูตี อียิปต์ อินโดนีเซีย อิรัก ลาว พม่า ไนจีเรีย ปากีสถาน ไทย ตุรกี และเวียดนาม
