ศบค. เผยข้อมูลโควิดไทย ป่วย 16 ราย ติดเชื้อในปท. 1 ราย ที่ สมุทรสาคร
วันนี้ (18 ธันวาคม) เฟซบุ๊กศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือ โควิด-19 ในประเทศไทย
วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม 2563 เวลา 11.00 น. เฟซบุ๊กศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 มีผู้ป่วยรายใหม่ 16 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 1 ราย ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 0 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศเข้าสถานกักกันโรค(Quarantine) 15 ราย รวมสะสม 4,297 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,464 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 1,833 ราย รักษาหายป่วยแล้ว 4,005 ราย ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล(รพ.) 232 ราย เสียชีวิตสะสม 60 ราย ทั้งนี้ในจำนวนผู้ป่วยสะสม 4,297 ราย รับรักษาในกรุงเทพมหานคร(กทม.) และนนทบุรีจำนวน 2,297 ราย ภาคเหนือ 184 ราย ภาคกลาง 956 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 112 ราย ภาคใต้ 748 ราย
1.การติดเชื้อในประเทศไทย อยู่ในระหว่างการสอบสวนโรคและประวัติเสี่ยง 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 67 ปี อาชีพค้าขาย เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม มี อาการปวดเมื่อยตัวและจมูกไม่ได้กลิ่น ผลตรวจพบเชื้อ และเข้ารักษาที่ รพ.สมุทรสาคร
2.กลุ่มผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันโรค(Quarantine) 15 ราย ได้แก่
1.อินเดีย 1 ราย เพศชาย สัญชาติอินเดีย อายุ 22 ปี เป็นนักศึกษา เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม เดินทางต่อเครื่องบินจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ถึงไทย เข้าพักในสถานกักกันโรคทางเลือก(Alternatives State Quarantine) ใน กทม. เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม วันที่ 5 ของการกักตัว ผลตรวจพบเชื้อไม่มีอาการ เข้ารักษาที่ รพ.เอกชน
2.เมียนมา 4 ราย
รายที่ 1-2 หญิงไทย อายุ 36 และ 41 ปี อาชีพค้าขาย เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม เดินทางถึงไทย เข้าพักในสถานกักกันโรคท้องถิ่นของรัฐ(Local Quarantine) ที่ จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม วันที่ 6 ของการกักตัว ผลตรวจพบเชื้อมีอาการไอ เข้ารักษาที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์
รายที่ 3-4 หญิงไทย อายุ 25 ปี รวม 2 ราย เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม เดินทางถึงไทยเข้าพักในสถานกักกันโรคท้องถิ่นของรัฐ(LQ) ใน จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม วันที่ 5 ของการกักตัว ผลตรวจพบเชื้อไม่มีอาการ เข้ารักษาที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์
3.เนเธอร์แลนด์ 1 ราย เพศชาย สัญชาติเนเธอร์แลนด์ อายุ 63 ปี เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม เดินทางต่อเครื่องบินจากกาตาร์ถึงไทย เข้าพักในสถานกักกันโรคทางเลือก(Alternatives State Quarantine) ใน กทม. เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม วันที่ 5 ของการกักตัว ผลตรวจพบเชื้อไม่มีอาการ เข้ารักษาที่ รพ.เอกชน
4.สวิตเซอร์แลนด์ 2 ราย
รายที่ 1 เพศหญิง สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ อายุ 2 ปี เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม เดินทางต่อเครื่องบินจากตุรกีถึงไทย เข้าพักในสถานกักกันโรคทางเลือก(ASQ) ใน กทม. เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม วันที่ 5 ของการกักตัว ผลตรวจพบเชื้อไม่มีอาการ เข้ารักษาที่ รพ.เอกชน
รายที่ 2 เพศชาย สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ อายุ 61 ปี เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม เดินทางถึงไทย เข้าพักในสถานกักกันโรคทางเลือก(ASQ) ใน กทม. เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม วันที่ 1 ของการกักตัว ผลตรวจพบเชื้อไม่มีอาการ เข้ารักษาที่ รพ.เอกชน
5.ตุรกี 1 ราย เพศหญิง สัญชาติเบลารุส อายุ 27 ปี เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม เดินทางถึงไทย เข้าพักในสถานกักกันโรคทางเลือก(ASQ) ใน กทม. เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม วันที่ 5 ของการกักตัว ผลตรวจพบเชื้อไม่มีอาการ เข้ารักษาที่ รพ.เอกชน
6.สหราชอาณาจักร 1 ราย หญิงไทย อายุ 24 ปี อาชีพเทรนเนอร์ฟิตเนส เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม เดินทางถึงไทย เข้าพักในสถานกักกันโรคของรัฐ(State Quarantine) ใน กทม. เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม วันที่ 1 ของการกักตัว ผลตรวจพบเชื้อ มีอาการไอ เจ็บคอและมีเสมหะ
7.ซาอุดิอาระเบีย 5 ราย รายที่ 1 หญิงไทย อายุ 5 ปี, รายที่ 2 ชายไทย อายุ 9 ปี, รายที่ 3 หญิงไทย อายุ 10 ปี เป็นนักเรียน, รายที่ 4-5 หญิงไทย อายุ 28 และ 39 ปี อาชีพครู ทุกรายเดินทางถึงไทยเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม โดยการต่อเครื่องบินจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้าพักในสถานกักกันโรคของรัฐ(SQ) ใน จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม วันที่ 4 ของการกักตัว ผลตรวจพบเชื้อทุกรายไม่มีอาการ
สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อรวม 75,273,822 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 721,392 ราย อาการรุนแรง 107,213 ราย รักษาหายแล้ว 52,846,886 ราย เสียชีวิต 1,668,166 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่
1.สหรัฐอเมริกา จำนวน 17,626,770 ราย เป็นรายใหม่ 230,982 ราย 2.อินเดีย จำนวน 9,977,834 ราย เป็นรายใหม่ 26,762 ราย 3.บราซิล จำนวน 7,111,527 ราย เป็นรายใหม่ 68,832 ราย 4.รัสเซีย 2,762,668 ราย เป็นรายใหม่ 28,214 ราย 5.ฝรั่งเศส จำนวน 2,427,316 ราย เป็นรายใหม่ 18,254 ราย ส่วนเมียนมา อยู่ลำดับที่ 69 ของโลก มีผู้ป่วยรายใหม่ 1,182 ราย สะสม 113,082 ราย ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 152 ของโลก
