7 วันอันตราย วันแรกดับแล้ว 43 เจ็บ 438 เมาแล้วขับเป็นเหตุ เชียงใหม่เยอะสุด

7 วันอันตราย วันแรกดับแล้ว 43 เจ็บ 438 เมาแล้วขับเป็นเหตุ เชียงใหม่เยอะสุด ‘รอง ผบ.ตร.’ เอาจริงหากผิด กม.

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 30 ธันวาคม ที่ศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางท้องถนน (ศปถ.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. แถลงผลการติดตามการปฏิบัติงานของศปถ.ว่า สำหรับมาตรการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เราได้มีมาตรการในการอำนวยการจราจรให้พี่น้องประชาชนได้เดินทางได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และการลดอุบัติเหตุทางท้องถนน ซึ่งในส่วนของการอำนวยการจราจรนั้น ทาง ตร.มีมาตรการเร่งรัดการเคลียร์พื้นผิวในช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ โดยเราได้มีการออกข้อบังคับห้ามให้รถบรรทุกวิ่ง หรือวิ่งเท่าที่จำเป็นในช่วง 30 ธันวาคม – 4 มกราคม นอกจากนี้ เรายังเตรียมการเปิดช่องทางพิเศษเมื่อเราเห็นว่าปริมาณรถมีจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงขากลับที่ปริมาณรถมักมีความหนาแน่น โดยเราจะจัดทั้งตำรวจจราจรและตำรวจทางหลวงไว้ดูแล และบริการดูแลสถานีบริการน้ำมันที่ต้องมีการจัดระเบียบไม่ให้รถหนาแน่น

ขณะที่ รถสาธารณะเนื่องจากมีสถานการณ์โควิด เราได้รับการกำชับเรื่องการให้มีมาตรการควบคุมโรคที่ชัดเจน การบังคับใช้กฎหมายจึงเน้นไปอยู่กับด่านโควิด หรือจุดตรวจ จุดสกัดต่างๆ ที่เรามีอยู่แล้ว เช่น จุดตรวจ หรือสกัดการหลบหนีของแรงงานต่างด้าวที่จะเข้ามาในประเทศ หรือแรงงานที่จะข้ามจังหวัดต่างๆ อย่างไรก็ตาม สำหรับการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ เราจะดูให้เห็นเด่นชัดจริงๆ เราจึงจะตรวจ โดยการตรวจก็ต้องเป็นไปตามมาตรการควบคุมโรค มีการฉีกซองก่อนเป่า และฉีกซองต่อหน้า เจ้าหน้าต้องสวมเฟซชีลด์ หรือหน้ากากอนามัยด้วย ทั้งนี้ สำหรับมาตรการทางถนน หากท่านไม่ปฏิบัติตามมาตรการ เช่น ไม่สวมหมวกนิรภัย ท่านจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ทาง ตร.เรายังมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วที่ร่วมมือกับภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อตรวจ โดยตรวจบูรณาการกับเจ้าหน้าที่ตามด่านตรวจชุมชน เจ้าหน้าที่ อสม. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ถ้ามีการฝ่าฝืนโดยเฉพาะดื่มแล้วขับ เราจะประสานงานกันระหว่างด่านชุมนุน กับด่านตำรวจ โดยจะมีชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าไปตรวจเยี่ยมเพื่อไปดูกลุ่มเสี่ยงต่างๆ ที่เรามีข้อมูล นอกจากนี้ หากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เราจะตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ทั้งคู่กรณี ถ้าตรวจจากลมหายใจได้ก็จะตรวจ แต่หากตรวจไม่ได้ต้องนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลก็ต้องเจาะเลือดรวจซึ่งเราจะทำอย่างจริงจัง ซึ่งหากผู้ใดมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดจะต้องถูกดำเนินคดี โดยถ้าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เราจะไปดำเนินการกับผู้จำหน่ายในข้อหาจำหน่ายสุราให้แก่บุคคลที่อายุต่ำกว่า 20 ปี หรือหากต่ำกว่า 18 ปี จะถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กด้วย

Advertisement

เมื่อถามว่า การเดินทางในช่วงนี้มากน้อยเพียงใด พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ความจริงเราคาดว่าช่วงบ่าย หรือเย็นนี้จะมีการเดินทางมาก แต่จากการที่เห็นการจราจรในช่วงนี้ กทม. มีการเดินทางออกไปบางส่วนตั้งแต่วันที่ 25-26 ธันวาคม เราจึงคิดว่าการเดินทางคงไม่มากเหมือนทุกปี เพราะทุกปีไม่มีสถานการณ์โควิดด้วย แต่วันที่ 2-3 มกราคม ซึ่งจะเป็นวันที่ประชาชนเดินทางกลับมาทำงานนั้น ช่วงบ่ายวันที่ 3 มกราคม และตลอดวันของวันที่ 4 จะมีมาก

พล.ต.อ.ดำรงศัก​ดิ์กล่าวด้วยว่า ศปถ. และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 29 ธันวาคม 2563 ซึ่งเป็นวันแรกของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 414 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 43 ราย ผู้บาดเจ็บ 438 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 32.85 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 24.88 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 81.11 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง 66.43 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 38.89 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 32.13 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ร้อยละ 29.47 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 29.94 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,933 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 61,575 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 288,881 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 44,657 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 12,648 ราย ไม่มีใบขับขี่ 12,154 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ มหาสารคาม (15 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ชลบุรี บุรีรัมย์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และอุดรธานี จังหวัดละ 3 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 17 คน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image