หลายท่านได้ดูชมคลิปที่ “พิมรี่พาย” ยูทูบเบอร์และบิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดังจงใจปล่อยมาสร้างความฮือฮากันแล้ว
ควรต้องชื่นชมในความคิดสร้างสรรค์
ตั้งแต่การคิดในเชิงเนื้อเรื่อง ชื่อเรื่อง พล็อตเรื่อง การหาสถานที่ การเตรียมงาน การถ่ายทำ การเลือกเวลา เลือกสถานที่ การให้สีแสงในการถ่ายภาพ การตัดต่อ และการบันทึกเสียง ทุกขั้นตอนมีความเป็นมืออาชีพ
คลิป “สุขสันต์วันเด็ก บนดอยไร้แสงไฟ” จากพิมรี่พายจึงกระหึ่มโลกโซเชียลในพริบตากระทั่ง “กศน.อมก๋อย” ต้องมีประกาศเฉียบขาดและฉับพลันในวันเด็กแห่งชาติ ความโดยสังเขปว่า
“ขอประกาศให้ครูและบุคลากรในหน่วยงานห้ามโพสต์เกี่ยวกับการรับบริจาคทุกช่องทาง ห้ามตอบโต้ผ่านสื่อโซเชียล งดรับบริจาคทุกประเภท ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้”
“พิมรี่พาย” อุกอาจเกินไป !?
ได้ยินว่าเธอสละความสุขส่วนตัวพร้อมทีมงานบุกขึ้นดอยในถิ่นทุรกันดารที่หมู่บ้านแม่เกิบ อ.อมก๋อย ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่กว่า 300 กิโลเมตร ด้วยการขนเอาแผงโซลาร์เซลล์ โทรทัศน์จอยักษ์ รองเท้า ไฟส่องสว่างสำหรับพกพากับอุปกรณ์สำหรับโรงเรือนปลูกผักไปมอบให้รวมมูลค่ากว่า 5 แสนบาท
ที่จริงองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ขนาดกลางทั้งหลายก็นิยมทำกิจกรรมที่เรียกว่า “ซีเอสอาร์” ด้วยการออกไปทำประโยชน์แก่สังคมหรือชุมชนในด้านต่างๆ เพื่อบอกกล่าวกับสังคมว่าเป็นบริษัทที่ดี มีสำนึกเสียสละ มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ชวนให้เชื่อว่าสินค้าและบริการของบริษัทนั้นๆ มีคุณภาพ
การทำกิจกรรมของ “พิมรี่พาย” ก็อยู่กรอบแนวคิดนั้น
“มีพอ” หรือ “มีเหลือ” ก็เจือจุน !
เพียงแต่ “กศน.อมก๋อย” รับไม่ได้ จึงประกาศห้ามครูและบุคลากรรับบริจาคทุกประเภท
“ระบบความคิด” เช่นนี้คืออะไร
ผู้บริหารองค์กรหรือหัวหน้าหน่วยย่อมมีทั้ง “อำนาจ” และ “หน้าที่” ควบคู่กัน
แต่บ่อยครั้งที่ “ผู้นำหน่วย” ใช้อำนาจนั้นไปโดยขาดความยั้งคิดว่า ทำเพื่อประโยชน์ของใคร
ประกาศของ “กศน.อมก๋อย” ที่ห้ามครูและบุคลากรรับบริจาคทุกประเภทนับว่าขาดวุฒิภาวะ
ในเวลาต่อมา “กศน.อมก๋อย” จึงต้องออก “ประกาศฉบับใหม่” ให้ยกเลิก “ประกาศฉบับเก่า”
กิจกรรมที่ “พิมรี่พาย” ทำนั้นไม่ได้ทำอะไรให้ “กศน.อมก๋อย” เสียหายบอบช้ำเลยแม้แต่น้อย
“กศน.อมก๋อย” คิดเอง ทำเองทั้งสิ้น !?!!