วันที่ 17 สิงหาคม นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดปฏิบัติการพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) นายพงศ์พยัคฆ์ ศรียา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติอุทยานแห่งชาติเขาหลัก – ลำรู่ เข้าตรวจสอบพื้นที่ รวมทั้งตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน บริเวณร้านอาหารและโรงแรมที่พักริมชายหาด อ่าวสามเปิง ท้องที่หมู่ที่ 7 ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาหลัก – ลำรู่ ตามที่มีการร้องเรียนว่ามีการยึดถือ ครอบครองพื้นที่เพื่อปลูกสร้างร้านอาหารและโรงแรมที่พักบริเวณริมชายหาด อ่าวสามเปิง ท้องที่หมู่ที่ 7 ตำบลคึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาหลัก – ลำรู่ จำนวน 4 ราย เนื้อที่รวมประมาณ 23 ไร่ พบบ้านกระทิง เกาะหลัก รีสอร์ต ในพื้นที่มีความลาดชันสูง มีการปลูกสร้าง บ้านพักลักษณะเป็นรีสอร์ต จำนวน 25 หลัง และร้านอาหารม่วนหลาย อยู่บนพื้นที่มีความลาดชันสูง มีการปลูกสร้างร้านอาหารและบ้านพักลักษณะเป็นรีสอร์ต ประมาณ 10 หลัง เนื้อที่รวมประมาณ 9 ไร่ มี นายอรรถกร อ๋องพู่ ผู้จัดการทั่วไป เป็นผู้นำชี้/ตรวจสอบ โดยนายอรรถกร ได้แจ้งแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ว่า พื้นที่บริเวณที่ทำการก่อสร้าง บ้านกระทิง เกาะหลัก รีสอร์ต และร้านอาหารม่วนหลาย มีหนังสือเอกสารแสดงสิทธิ์ในที่ดิน มอบให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาตินำไปตรวจสอบต่อไป
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ เขาหลัก ซันเซ็ต รีสอร์ต พบว่า มีการปลูกสร้างบ้านพักลักษณะเป็นรีสอร์ต ห้องประชุมในพื้นที่ เนื้อที่รวมประมาณ 13 ไร่ มี นส.จันทิรา บุญยืน ผู้จัดการฝ่ายผลิต เป็นผู้นำตรวจ โดยนส.จันทิรา แจ้ง ว่า มีหนังสือเอกสารแสดงสิทธิ์ในที่ดิน และส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวมอบให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาตินำไปตรวจสอบต่อไป และคณะพนักงานเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ เขาหลัก ปาล์มบีช รีสอร์ตพบ มีการปลูกสร้างบ้านพักลักษณะเป็นรีสอร์ต เนื้อที่รวมประมาณ 1 ไร่ มี นางพลอยภัสสรณ์ เรืองทอง ผู้จัดการฝ่ายที่พัก เป็นผู้นำ ตรวจ โดยนางพลอยภัสสรณ์ แจ้งแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ว่า มีหนังสือเอกสารแสดงสิทธิ์ในที่ดิน และส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวมอบให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาตินำไปตรวจสอบต่อไป
หัวหน้าชุดปฏิบัติการพญาเสือ กล่าวว่า พื้นที่เกิดเหตุทั้งหมด อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ เขาหลัก – ลำรู่ ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐ แต่เนื่องจากเกิดความไม่ชัดเจนเรื่องแนวเขตอุทยานแห่งชาติ ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการปฏิบัติงาน เมื่อผู้ครอบครองทำประโยชน์ในพื้นที่ได้นำหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) และ หนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน (โฉนดที่ดิน) มาแสดง จึงต้องทำการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ในที่ดินเพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย และทำการแปล ตีความ และวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศตรวจสอบร่องรอยการทำประโยชน์ในพื้นที่จากผู้เชี่ยวชาญกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
