สธ.-ศธ.เปิดหลักสูตรปรุงอาหารผสมกัญชา ลงทะเบียนเรียน 5-7 มี.ค.นี้ ที่บุรีรัมย์ แนะห้ามเกินวันละ 5ใบ
วันนี้ (20 มกราคม 2564) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ. พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ร่วมเป็นสักขีพยานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) การพัฒนาการเรียนรู้การประกอบธุรกิจจากส่วนของพืชกัญชาและกัญชงที่ได้รับการยกเว้นจากการเป็นยาเสพติด ระหว่าง สธ. โดย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. และ นายสุภัทร จำปาทอง ปลัด ศธ. ทั้งนี้ ภายในงานมีนิทรรศการจัดการเรียนการสอนกัญชาและกัญชงศึกษา และมีการสาธิตทำเมนูอาหารพาเพลินที่มีส่วนผสมของกัญชา อาทิ ข้าวกะเพรา แกงเขียวหวานเนื้อ หอยแมลงภู่อบพร้อมน้ำจิ้ม เค้กช็อกโกแลต และเครื่องดื่มกัญชา
นายอนุทิน กล่าวว่า สธ.และ ศธ. ได้ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับกัญชา ทั้งอาหาร ผลิตภัณฑ์สุขภาพ สปา และการท่องเที่ยว ภายหลังจากที่ได้นำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และสุขภาพ ทำให้สารสกัดกัญชาไม่ได้อยู่ใต้ดินอีกต่อไป ทั้งนี้ คณะกรรมการยาเสพติดให้โทษได้มีมติให้ปลดทุกส่วนของต้นกัญชา กัญชง ยกเว้นช่อดอก ใบที่ติดกับช่อดอกของกัญชาและกัญชง และเมล็ดกัญชา ออกจากยาเสพติดให้โทษเมื่อเดือนธันวาคม 2563 เป็นการยกระดับผู้ประกอบการให้มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
นายอนุทิน กล่าวว่า คาดว่าเมื่อเปิดประเทศจะเป็นอาหารเมนูใหม่ที่ทุกคนอยากลิ้มลอง ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ของพืชกัญชา กัญชง โดยที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับโรงพยาบาล (รพ.) เจ้าพระยาอภัยภูเบศร เริ่มโครงการมาชิมกัญ โดยนำเมนูอาหารที่ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศรทำไว้เป็นต้นแบบไปเผยแพร่ให้ร้านอาหารที่สนใจ ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างชาติ ทำให้เห็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจจากกัญชาและกัญชงมีจริง เช่น ก๋วยเตี๋ยว เกาเหลาหมูตุ๋นอารมณ์ดี เล้ง แซ่บซดเพลิน รื่นเริงบันเทิงยำ ข้าวกะเพราสุขใจ น้ำคั้นใบกัญชาสดผสมชา ขนมปังกรอบ คุกกี้ ชอร์ตเบรด
“ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานในสังกัด สนับสนุน ศธ.ในการพัฒนาหลักสูตรที่ตอบโจทย์ความต้องการตลาด และถูกกฎหมาย ทันสมัย ปลอดภัย มีประโยชน์ต่อสุขภาพและสังคม สามารถขยายผลเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของชุมชมและประเทศ” นายอนุทิน กล่าว
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ในระยะแรกจะเริ่มดำเนินการร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จังหวัด/กรุงเทพมหานคร และสถานศึกษาขึ้นตรงในจังหวัดที่มีวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชา เน้นการพัฒนาทักษะ ความรู้ ความเข้าใจ ให้วิสาหกิจชุมชนปรุงอาหารที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมได้อย่างปลอดภัย และจะขยายต่อไปยังผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชงในระยะต่อไป
“สำหรับการดำเนินการ สธ. โดยสถาบันกัญชาทางการแพทย์ ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบายกัญชาทางการแพทย์ อย. เป็นผู้ดูแลด้านกฎหมาย ระเบียบ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ที่มีความรู้ทางวิชาการด้านการใช้กัญชาตามองค์ความรู้ดั้งเดิม และ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่เป็นหน่วยปฏิบัติในการนำนโยบายกัญชาทางการแพทย์ไปปฏิบัติ โดยจะเปิดตัวให้ผู้สนใจได้ลงทะเบียนที่งานมหกรรมกัญชา กัญชง 360° เพื่อประชาชน ระหว่างวันที่ 5-7 มีนาคมนี้ ที่สนามช้างอารีนา จ.บุรีรัมย์” ปลัด สธ.กล่าว
นางกนกวรรณ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการยกร่างหลักสูตร โดย ศธ. ร่วมกับ สธ. และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำส่วนของกัญชาที่ได้รับการปลดล็อกจากกฎหมายออกจากยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 จากแหล่งปลูกที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกกฎหมาย ให้เหมาะสมที่สุดว่าควรจะนำไปใช้อย่างไร ในสัดส่วนที่ถูกต้อง สำหรับหลักสูตรคร่าวๆ จะเริ่มประมาณ 5 วัน เป็นหลักสูตรทั้งให้ความรู้กฎหมายและการนำไปใช้
ด้าน ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว หัวหน้าศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวถึงการนำใบกัญชามาเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบอาหารว่า เนื่องจากใบกัญชา ถือเป็นวัฒนธรรมคนไทยในการใช้เป็นเครื่องชูรสในอาหาร ไม่ได้กินแบบผักบุ้ง ผักคะน้า แต่จะใช้เพียง 2-3 ยอด เพื่อให้กินอาหารอร่อย กินข้าวได้ โดยอภัยภูเบศรได้สืบทอดวัฒนธรรมและนำมาเพิ่มมูลค่าให้กับอาหาร
“แต่ขณะเดียวกัน มีองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ว่า ในใบกัญชาไทยมีสารเมา หรือทีเอชซี (THC) จึงต้องมีข้อห้ามสำหรับบางกลุ่มที่บริโภค โดยมี 6 กลุ่ม ที่ควรหลีกเลี่ยงบริโภคอาหาร หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา ประกอบด้วย 1.เด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 25 ปี 2.ผู้หญิงตั้งครรภ์และผู้หญิงให้นมบุตร 3.คนที่มีปัญหาตับไตบกพร่อง 4.ผู้ป่วยที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือดวาร์ฟาริน 5.ผู้ป่วยใช้ยาที่มีผลต่อระบบประสาท และ 6.ผู้ที่มีโรคประจำตัว อย่างโรคหัวใจและหลอดเลือด อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากจำกัดกลุ่มที่บริโภคแล้ว ผู้ที่บริโภได้ต้องบริโภคในปริมาณน้อยๆ ซึ่งแนะนำไม่เกินวันละ 5 ใบ” ภญ.ผกากรอง กล่าวและว่า ที่ผ่านมา มีงานวิจัยระบุว่าการกินอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา หากจะมีผลในเรื่องของสารทีเอชซี ที่ทำให้เกิดความเมานั้น ต้องกินระยะยาว แต่ก็มีปัจจัยอื่นๆ เช่น เวลาการปรุงอาหารด้วยน้ำมัน หรืออาหารทอด สารเหล่านี้จะออกมาก หรือการปรุงนาน แต่สารทีเอชซีไม่มาก โดยมีต่ำกว่าร้อยละ 1 แต่ก็ขึ้นอยู่กับการปลูกเช่นกัน
ภญ.ผกากรอง กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ต้องระวัง ดังนั้น สิ่งแรกต้องคุมปริมาณการบริโภคโดยใน 1 จานอาหาร ใช้ใบกัญชาปรุงอาหารมากที่สุดไม่เกิน 5 ใบ โดยอภัยภูเบศรจะให้ความรู้ด้วยว่า จะมีการปรุงตั้งแต่ผสมใบกัญชาครึ่งใบ ไปจนถึง 5 ใบ แต่ 1 วัน ไม่ควรกินเกิน 5 ใบ และเงื่อนไขนี้จะอยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอนปรุงอาหารกัญชาของอภัยภูเบศรด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากรับประทานเกิน 5 ใบต่อวัน จะส่งผลอย่างไร ภญ.ผกากรอง กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับบุคคล บางคนไวต่อฤทธิ์กัญชา บางคนไม่ถึงกับเมา แต่อาจรู้สึกตื๊อๆ ใจสั่น ซึ่งก็ให้หยุดรับประทาน โดยปกติการกินอาหารจะออกฤทธิ์ประมาณครึ่งชั่วโมง แต่ในรายงานต่างประเทศอยู่ที่ 1-3 ชั่วโมง ดังนั้น เมื่อลูกค้ามาที่ร้านก็จะบอกว่า แบบไหนไม่ควรกิน หรืออาจสังเกตง่ายๆ ใครดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วเมาง่ายก็ต้องหลีกเลี่ยง หรือเลือกเมนูที่มีส่วนผสมน้อยๆ
“ใครที่รับประทานอาหารที่มีส่วนผสมกัญชาและรอจนถึงครึ่งชั่วโมง เริ่มมีอาการใจสั่น ก็ต้องหยุด และให้ดื่มน้ำมะนาว จึงต้องย้ำว่า 6 กลุ่ม ต้องหลีกเลี่ยงการรับประทาน” ภญ.ผกากรอง กล่าวและว่า ขอย้ำว่าการจะปรุงอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา ยังมีเงื่อนไขที่หากร้านอาหารใดจะประกอบอาหารที่มีกัญชา ต้องนำใบกัญชามาจากสถาบัน หรือสถานที่ที่ผ่านการขออนุญาตก่อนเท่านั้น ซึ่งขณะนี้สถาบันกัญชาทางการแพทย์กำลังจะเป็นตัวกลางจับคู่ร้านอาหารที่ต้องการทำกับรัฐวิสาหกิจที่ปลูก ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะเปิดระบบให้ลงทะเบียน และจะมีการอบรมหลักสูตรการสอนปรุงอาหารกัญชาเบื้องต้นหลักสูตรประมาณ 40 ชั่วโมง ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำร่าง
เมื่อถามว่า ร้านอาหารออนไลน์ทำได้หรือไม่ ภญ.ผกากรอง กล่าวว่า เรื่องนี้จะมีการนำเข้าสู่การพิจารณา และร้านอาหารที่เข้าร่วมต้องผ่านการอบรม
