เหยี่ยวถลาลม : ใช้หัวคิด
หลากความคิดหลายความเห็นต่อกรณี “ไลฟ์สดธนาธร” ที่ออกมาอภิปรายนอกสภาเรื่อง “วัคซีนโควิด-19”
แต่ที่ห้าวสุดก็ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ที่ส่ง นายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ กับ นายทศพล เพ็งส้ม กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ เข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)
ให้ดำเนินคดีกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กับความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
จับประเด็นจากนายทศพลก็คือ นายธนาธรกล่าวหารัฐบาลเรื่องประสิทธิภาพในการผลิตวัคซีนล่าช้ากับนำสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการบิดเบือนให้สังคมเข้าใจผิด มีลักษณะ “ชี้นำ” ต่างกับ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่เป็นการ “ตั้งคำถาม” แต่ “พิธา” กลับเห็นว่านายธนาธรมีสิทธิเหมือนกับคนอื่นๆ ทั่วไปที่จะ “ตั้งคำถาม” กับวิสัยทัศน์ในการผลิตและบริหารจัดการวัคซีนซึ่งหลายประเทศจะกระจายความเสี่ยง แต่ไทยเลือกที่จะผูกอนาคตไว้กับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์
“เจ้าของเงินเจ้าของภาษีมีสิทธิจะตั้งคำถาม นายกฯก็แค่ตอบ…อย่าลืมว่าถ้าจัดการวิกฤตโควิดได้เร็วเท่าไหร่ เศรษฐกิจก็ฟื้นเร็วเท่านั้น นายกฯและรัฐบาลควรเอาเวลาไปจัดการแก้ไขปัญหามากกว่าไปเที่ยวฟ้องประชาชน”
อาจจะมีบางคนเห็นว่า “ธนาธร” แกว่งปากหาเรื่อง
แท้จริงธนาธรเป็น “ตำบลกระสุนตก” ในยุคที่ประเทศนี้มี “ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี”
แม้คำอภิปรายของ “ธนาธร” จะไม่รื่นหู แต่ถ้าดูเจตนาก็จะเห็นว่าเป็นการกล่าวถึง “ทางเลือก” ที่ควรมีมากกว่า 1
เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ ที่ “มูลนิธิซียูเอ็นเทอร์ไพรส์” จับมือกับ “ทีมจุฬาฯ” และ “บริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม” มุ่งมั่นพัฒนาวัคซีนของทีมไทยแลนด์ตั้งแต่ต้นน้ำ ไปจนถึงสร้างโรงงานผลิต จดสิทธิบัตรและมีแผนจะกระจายฉีดให้กับคนไทย ซึ่งรัฐบาลก็เคยจัดสรรงบประมาณผ่านสถาบันวัคซีนแห่งชาติให้ไป 150 ล้านบาท และมูลนิธิฯก็เชิญชวนคนไทยให้ร่วมบริจาคคนละ 500 บาท
1 ล้านคน ให้ได้ 500 ล้านบาท
เรื่องแบบนี้แค่ “ตอบ” ให้ดีๆ ก็จบได้อย่างสวยงาม ทำไมต้องชักธงรบ !?!!