“สุวพันธุ์” เผยได้รับหนังสือแจ้งมติมส.เสนอตั้ง”สมเด็จช่วง”เป็นสังฆราชองค์ใหม่แล้ว

เมื่อวันที่ 14 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่ประชุมกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) มีมติเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งพระสังฆราชองค์ใหม่ แล้ว ว่า ที่ประชุมกรรมการ มส.เมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบนามของ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เพื่อส่งถึงรัฐบาลเพื่อนำความกราบบังคมทูลฯ ต่อไป โดยเป็นมติที่เห็นชอบร่วมกันของกรรมการ มส.ทุกรูป ไม่มีข้อขัดแย้งหรือมีปัญหาในมส. ทั้งนี้มีกรรมการ 3 รูปที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุม คือสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิตถาวโร) เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร และสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (วีระภทฺทจารี) เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์เทพวราราม
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ได้รับมติดังกล่าวจากมส.เรียบร้อย และได้ทำเป็นหนังสือส่งมาถึงมือตนแล้วเช่นกัน ส่วนขั้นตอนต่อจากนี้ ตนจะต้องรวบรวมข้อมูลครบถ้วนรอบด้านที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพื่อส่งให้นายกรัฐมนตรีมีข้อมูลทุกประเด็นเพียงพอในการพิจารณาในส่วนอำนาจหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการต่อไป โดยตั้งแต่สัปดาห์หน้า ตนจะหารือเพิ่มเติมกับพศ.รวมถึงอาจต้องหารือกับคณะสงฆ์ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้วย เพื่อให้ได้ข้อมูลครบถ้วน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และอาจมีข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติม อีกทั้งทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวกับกระบวนการนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ ก็จำเป็นต้องมีข้อมูลครบและรอบด้านให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาก่อน อย่างไรก็ตามตนยังบอกไม่ได้ว่าจะดำเนินการเรื่องนี้นานแค่ไหนหรือจะเสร็จภายในเดือน มกราคมนี้หรือไม่ ทั้งนี้ขอยืนยันว่าเราทำทุกอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรคลุมเครือ และอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง

“เมื่อรัฐบาลได้รับเรื่องมาแล้วก็ต้องดำเนินการ จะทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ได้ ตอนนี้อำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีมีอยู่อย่างเดียวคือจะกราบบังคมทูลฯ หรือไม่ อย่างไร แค่นี้เอง ซึ่งนายกฯ พูดมา 2 ครั้งแล้วว่ามีเหตุผลของท่านอยู่ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ฉะนั้นการที่จะทำให้เกิดความเหมาะสมและรอบคอบ นายกฯก็อยากเห็นข้อมูลให้รอบด้านทั้งหมดก่อน ส่วนเสียงคัดค้านนั้น เมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง ก็ต้องมาดูว่าจะทำอย่างไรต่อไป” นายสุวพันธุ์ กล่าว

เมื่อถามว่าจะสามารถส่งเรื่องให้ถึงมือนายกรัฐมนตรีได้ภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้หรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ตอบไม่ได้ว่าจะถึงมือเมื่อไหร่ เอาเป็นว่าตอนนี้ความรับผิดชอบอยู่ที่ตนในฐานะกำกับดูแล พศ. เมื่อเห็นว่าได้ข้อมูลครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ก็จะส่งถึงนายกรัฐมนตรี แต่หากตนยังเห็นว่าต้องการสิ่งใดเพิ่มอีก ก็อาจต้องไปหารือกับฝ่ายต่างๆ เท่าที่จะทำได้ เมื่อถามย้ำว่าจากนี้ไปจะไม่มีอะไรเป็นเรื่องลับแล้วใช่หรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า จะบอกอย่างนั้นก็ไม่ได้ แต่จะไม่มีอะไรที่คลุมเครือ อะไรที่พูดไม่ได้ ก็จะบอกว่าพูดไม่ได้ แต่อะไรที่พูดได้ ก็จะเล่าให้สังคมรับทราบโดยอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงทั้งหมด

ต่อข้อถามว่ากังวลหรือไม่ต่อกระแสต่อต้านในขณะนี้ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า เรารอดูและประเมินเป็นระยะๆ จากประสบการณ์ของตนคงดูว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง การจะทำอะไรแต่ละอย่างนั้นต้องดูและเข้าใจพัฒนาการของเขาก่อนว่าเรื่องที่กำลังเกิด มีเหตุปัจจัยอะไร มีอะไรเข้ามาเกี่ยวข้อง และควรจะเดินแบบไหน เพราะเจตนาของตนมีอย่างเดียวคือทำให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง ยั่งยืน มั่นคงอยู่กับสังคมไทย ไม่มีความเสียหาย เรื่องนี้ต้องใช้เวลา ขอให้ดูกันไปก่อน

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้ จะต้องพิจารณาใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 หรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า นายกฯ มีนโยบายชัดว่าการใช้มาตรา 44 จะทำเมื่อจำเป็นเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินหรือการแก้ปัญหามีความราบรื่น จึงเชื่อว่าถ้าจะใช้ นายกฯ ต้องเห็นสถานการณ์ไปถึงจุดๆ นั้นแล้ว จึงจะนำมาพิจารณา

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image