องค์การเภสัชกรรม เปิดราคา รับซื้อช่อดอกกัญชาแห้ง กิโลกรัมละ 5 หมื่น

องค์การเภสัชกรรม เปิดราคา รับซื้อช่อดอกกัญชาแห้ง กิโลกรัมละ 5 หมื่น

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธี ประกาศเจตนารมณ์ “ความร่วมมือระหว่างองค์การเภสัชกรรมกับเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชา สร้างต้นแบบหลักเกณฑ์ความร่วมมือและจัดซื้อช่อดอกกัญชาแห้งทางการแพทย์” โดยมี นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม คณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข คณะผู้บริหารองค์การเภสัชกรรม และผู้แทนวิสาหกิจชุมชนเข้าร่วมในพิธี

นพ.โสภณ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่รัฐบาลสนับสนุนการนำกัญชามาใช้ทางการแพทย์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์อย่างปลอดภัย โดยมี อภ. เป็นหน่วยหนึ่งที่ดำเนินการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การปลูก การสกัด และการผลิตผลิตภัณฑ์ รวมถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ ปัจจุบันมีวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับอนุญาตปลูกจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) จำนวน 82 ราย แต่ละรายก็มีรูปแบบการปลูกที่หลากหลาย ทั้งแบบระบบปิด (Indoor) แบบโรงเรือน (Greenhouse) และแบบกลางแจ้ง (Outdoor) ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแต่ละวิสาหกิจชุมชน ที่ขออนุญาตปลูกร่วมกับหน่วยงานรัฐ ทั้งเพื่อการศึกษาวิจัยและการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ทั้งแผนไทยและแผนปัจจุบัน

“การที่ อภ. และเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ได้ร่วมกันสร้างต้นแบบหลักเกณฑ์ความร่วมมือและจัดซื้อช่อดอกกัญชาแห้งทางการแพทย์ในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการพัฒนารูปแบบการดำเนินงานด้านกัญชาทางการแพทย์และเพื่อสุขภาพ ที่เป็นเชิงพาณิชย์และถูกต้องตามกฎหมาย จะเป็นแนวทางให้กับหน่วยงานวิสาหกิจชุมชน ผู้ปลูกกัญชาอื่น ๆ เพื่อให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างประโยชน์ต่อสังคมตลอดห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน” นพ.โสภณ กล่าว

Advertisement

นพ.โสภณ กล่าวว่า ขณะนี้พบว่ามีความต้องการใช้กัญชาที่มี CBD เด่นในการรักษาอาการลมชักในเด็ก และใช้THC : CBD1 : 1 ในการลดอาการเจ็บปวด แต่สายพันธุ์กัญชาพื้นบ้านจะมี THC เด่น แต่สิ่งที่ต้องการมากคือ CBD เด่น เพราะจะไม่ใช่เพียงการผลิตยา แต่บัฃนำไปทำเวชสำอาง อาหารเสริมได้ ซึ่งคาดว่าราคาที่ อภ.รับซื้อจะเป็นแรงจูงใจให้กับวิสาหกิจชุมชนอื่นๆ ด้วย

นพ.วิฑูรย์ กล่าวว่า อภ. กระจายผลิตภัณฑ์สารสกัดกัญชาทั้ง THC เด่น CBD เด่น และTHC : CBD1 : 1 ให้กับสถานพยาบาลต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนไปแล้วมากกว่า 100 แห่ง พบว่าการใช้มีประสิทธิผลดี ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์มีมากขึ้น จึงต้องแสวงหาแหล่งปลูกกัญชาสายพันธุ์ CBD เด่น โดยจะร่วมกับวิสาหกิจชุมชนที่มีประสบการณ์ในการปลูกกัญชาที่มีสารสำคัญ CBD เด่น และได้รับการอนุญาตในการปลูกกัญชาทางการแพทย์อย่างถูกต้องจากอย. มีผลการตรวจวิเคราะห์ช่อดอกแห้ง ที่มีปริมาณสาร CBD เด่น สูงตั้งแต่ 8.0 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนักขึ้นไป ตามเกณฑ์มาตรฐานที่ อภ. กำหนด

Advertisement

นพ.วิฑูรย์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้คัดเลือกวิสาหกิจชุมชนและได้ทำสัญญาซื้อขายช่อดอกกัญชาแห้งแล้ว 1 แห่ง ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนศูนย์กลางพัฒนาสมุนไพรเพลาเพลินเพื่อชุมชน จ.บุรีรัมย์ และมีวิสาหกิจที่ผ่านการประเมินอีก 3 แห่ง ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรอินทรีย์เพชรลานนา จ.ลำปาง วิสาหกิจชุมชนกลุ่มรักจังฟาร์มวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และวิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกและแปรรูปบุก, เกษตรอินทรีย์บ้านทุ่งแพม จ.แม่ฮ่องสอน อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดเพื่อดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ในสัญญาซื้อขาย ช่อดอกกัญชาแห้งต้องเป็นไปตามมาตรฐานกำหนด มีผลการทดสอบปริมาณสารสำคัญในกัญชาและปริมาณปนเปื้อนของโลหะหนัก ยาฆ่าแมลงสารกำจัดศัตรูพืช หรือสารเจือปนอื่น ไม่เกินมาตรฐานที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์หรือห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการทดสอบด้านสาธารณสุข / คุ้มครองผู้บริโภค(ISO/IEC 17025) หรือห้องปฏิบัติการอื่นที่มีความสามารถในการทดสอบเทียบเท่ากัน

ด้าน ดร.ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยและพัฒนา อภ. กล่าวว่า คุณสมบัติช่อดอกกัญชาแห้ง 1.ต้องมี CBD เด่น เป็นช่อดอกแห้ง ที่รวมส่วนซูก้าลีฟ(Sugar Leaf) เป็นส่วนของใบที่เรียงขึ้นบริเวณช่อดอก ตากในห้องมืด อุณหภูมิต่ำ ควบคุมความชื้นได้ พร้อมบรรจุในถุงฝอยสูญญากาศ เพื่อสามารถเก็บไว้ได้นาน 2.ตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ สารโลหะหนัก เชื้อรา ไม่เกินที่กำหนด ที่สำคัญคือ ต้องมี THC น้อยกว่าน้อยหรือเท่ากับ 0.5 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก CBD มากกว่าหรือเท่ากับ 12 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก และมีความชื้น น้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก

ทั้งนี้ ดร.ภญ.นันทกาญจน์ กล่าวว่า ราคาการรับซื้อช่อดอกแห้งเกรด A ปริมาณสารสำคัญ CBD มากกว่า 12 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก กิโลกรัม(กก.) ละ 45,000 บาท เกรด B ปริมาณสารสำคัญ CBD 10 – 11.9 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก กก.ละ 37,500 – 43,125 บาท ปริมาณสารสำคัญ CBD 8-9.9 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก กก.ละ 30,000 – 35,625 บาท ซึ่งราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตตามที่อภ. กำหนด

สำหรับผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเสนอเข้าร่วมที่ www.gpo.or.th/กัญชา หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ call center โทร 1648 e-mail: [email protected] โดยอภ. จะพิจารณาคุณสมบัติและศักยภาพตามรายละเอียดที่ลงทะเบียนไว้ จากนั้นติดต่อวิสาหกิจชุมชนรวบรวมข้อมูลรายละเอียดเพิ่ม ลงพื้นที่เพื่อประเมินแผนการปลูก และพิจารณาคัดเลือกตามหลักเกณฑ์ของ อภ. และขออนุญาตร่วมกันปลูกกัญชาทางการแพทย์ต่อ อย. เมื่อได้รับอนุญาตจาก อย.แล้ว วิสาหกิจชุมชนและองค์การฯ จะร่วมกำหนดปริมาณน้ำหนักช่อดอกแห้งและระยะเวลาที่จะส่งมอบเพื่อจัดทำสัญญาซื้อขายต่อไป

นางศศิการ ล้อจิโรภาส ประธานวิสาหกิจชุมชนศูนย์กลางการพัฒนาสมุนไพรเพลาเพลินเพื่อชุมชน จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ขณะนี้โรงปลูกระบบปิด (Indoor) อย.ได้อนุญาตปลูกร่วมกับทาง อภ. แล้ว มีความพร้อมในส่วนโครงสร้าง และการวางระบบต่างๆ ในการปลูก ตามแนวทางการทำเกษตรมาตรฐานสูงของทางวิสาหกิจชุมชน ทั้งรางปลูก ระบบน้ำ ระบบไฟ และเทคโนโลยีการเกษตรต่าง ๆ พร้อมทั้งระบบรักษาความปลอดภัย โดยจะทำการปลูกสายพันธุ์ CBD Charlotte’s Angel ภายในเดือน มี.ค. นี้ จำนวน 90 ต้น พื้นที่ 50 ตารางเมตร และคาดว่าจะมีการเก็บเกี่ยวช่อดอกรอบแรกได้ช่วงประมาณเดือนมิ.ย. นี้ ได้จำนวน 18 กิโลกรัม และกำลังขยายพื้นที่ปลูกระบบปิด(Indoor) พื้นที่อีก 360 ตรม. ปลูกได้ 840 ต้นต่อรอบปลูก เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตเข้าสู่ระบบการผลิตของอภ.ต่อไป

“เรามีประสบการณ์ปลูกกัญชาในระบบปิด โดยได้รับการสนับสนุนจากโรงพยาบาลคูเมือง โดยสิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับระบบปิดคือ ความชื้น แต่ก็ได้รับความรู้จากผู้เชี่ยวชาญจาก อภ. ช่วยเหลือมาตลอด โดยสิ่งที่ต้องการหลังจากนี้คือ การลดต้นทุน เพราะในระยะแรกที่ปลูกเป็นสเกลเล็ก ดังนั้นต้องมีการขยายให้สเกลใหญ่ขึ้น จึงต้องอาศัยความร่วมมือจาก อภ. ในอนาคตต่อไป” นางศศิการ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image