เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่โรงแรมมารวย การ์เด้น มีการประชุมเชิงปฎิบัติการเรื่องทิศทางการปฎิรูปอุทยานแห่งชาติตามนโยบายการปฎิรูปประเทศ จัดโดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช โดยในช่วงเช้ามีพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เป็นประธาน ปรากฎว่าระหว่างที่ พล.อ.สุรศักดิ์ กำลังจะกล่าวให้นโยบาย ได้มีโทรศัพท์เข้ามาถึงพล.อ.สุรศักดิ์ จนพล.อ.สุรศักดิ์ ต้องหยุดพักการให้นโยบายเพื่อไปรับโทรศัพท์ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที จากนั้นพล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์มาเพื่อให้ตนลงไปดูแลการแก้ปัญหาที่ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ ที่กำลังมีการรื้อถอนและมีการต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่ เพราะดูท่าทีแล้ว ผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ รับมือไม่ไหว ซึ่งปัญหาดังกล่าวนายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ ยังไม่ได้มารายงานมาที่ตนเลย แต่มีประชาชนได้ส่งภาพส่งข้อมูลมาให้หมดแล้ว
พล.อ.สุรศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า การแก้ปัญหาภูทับเบิกต้องทำตามกฎหมาย ใครผิดก็ต้องรื้อถอน เพราะคดีถึงที่สุดหมดแล้ว แม้จะมีการร้องห่มร้องไห้จากผู้ประกอบการ แต่เป็นคนละเรื่องการการดำเนินคดี ตนได้รับคำสั่งจากพล.อ.ประยุทธ์ ให้ลงไปดูแลช่วยเหลือผู้ว่าฯ เพชรบูลย์ในการแก้ปัญหา ว่าประชาชน ที่เดือดร้อนต้องการอะไร ให้รัฐบาลช่วยเหลืออะไรหรือไม่
เมื่อถามว่ารีสอร์ตและบ้านพัก 19 หลังที่รื้อถอนไปก่อนหน้าและกำลังรื้อถอนอีก 111 แห่ง ก็ต้องดำเนินคดีต่อใช่หรือไม่ พล.อ.สุรศักดิ์ ต้องดำเนินการต่อตามกฎหมาย ส่วนการจัดระเบียบก็ทำไป การเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบก็ต้องทำไป คนละส่วนกัน
เมื่อถามอีกว่า แต่ดูเหมือนว่า ชาวม้งที่มาร้องเรียน และร้องขอเพื่อไม่ให้รื้อรีสอร์ต นั้น ล้วนแล้ว แต่เป็นรายที่คดีสิ้นสุด และศาลตัดสินให้ออกนอกพื้นที่หมดแล้ว การที่นายกรัฐมนตรีโทรมาเช่นนี้ ก็เหมือนว่า ให้ชะลอการรื้อถอน หรือยกเลิกการรื้อถอนออกไปก่อน ใช่หรือไม่ พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้นสำหรับกรณีที่ศาลตัดสินเด็ดขาดอย่างไรก็ต้องว่ากันไปตามนั้น เพราะกฏหมายย่อมศักดิ์สิทธิเหนือสิ่งใด แต่ที่ต้องไปดูเพิ่มคือ ในส่วนของชาวบ้านในพื้นที่หากมีข้อเดือดร้อนอะไรก็จะเข้าไปช่วยเหลือ แต่ยังคงรื้อตามคำสั่งศาลเหมือนเดิม ไม่มีข้อยกเว้น
