เหยี่ยวถลาลม : ไม่ใหญ่พอให้ถอยไป

มี “คำถาม” อีกมากที่ค้างคาใจรอการค้นหาและพิสูจน์ทราบ

แต่ดูเหมือนผู้เกี่ยวข้องจะถนัดสับขาหลบหลีก หลายเรื่องราวจึงยังคงเป็นที่เคลือบแคลงกันต่อไป

นี่เป็นคุณลักษณะพิเศษของกระบวนการยุติธรรมไทย

ครูกฎหมายท่านหนึ่งเคยกล่าวว่า กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของเราเอื้ออำนวยต่อการทุจริตประพฤติมิชอบของบุคลากรในองค์กรกระบวนการยุติธรรม

Advertisement

น่าจะมีส่วนจริงอยู่บ้าง

จากที่เห็น ถึงแม้ตำรวจ อัยการ และศาลจะมีหน้าที่ยึดโยงสัมพันธ์กัน แต่ต่างฝ่ายก็มีสภาพเป็น “อาณาจักร” ไม่เปิดประตูหน้าต่างให้ผู้คนภายนอกหรือผู้ใดล่วงล้ำ

ทั้งๆ ที่ “ทุกคน” ดำรงชีพด้วยเงินภาษีที่ได้จากประชาชน !

คำพูดว่า “อย่าทุบหม้อข้าวตัวเอง” สอนให้คนในองค์กร ปกปิดหมกเม็ดและต่อต้านการเปลี่ยนแปลง

องค์กรสอนให้บุคลากรสนใจความอยู่รอดของตัวเองมากกว่า “ส่วนรวมรอด”

บ่อยครั้งการทำหน้าที่จึงบิดเบี้ยว เฉไฉ แม้จะเรียนกฎหมายมา แต่การบังคับ
ใช้กฎหมายก็ทำแบบไม่เป็นโล้เป็นพาย

ที่หนักกว่านั้นคือทุจริตประพฤติมิชอบ !

กล่าวกันตามหลักการ เมื่อตำรวจจับกุมผู้กระทำความผิด กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาบัญญัติให้ต้องรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดเท่าที่จะสามารถทำได้ โดยมีเป้าหมาย 2 ข้อคือ เพื่อทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์อันจะนำไปสู่การพิสูจน์ความถูกผิด กับเพื่อรู้ตัวผู้กระทำความผิดตัวจริงแล้วนำส่งพนักงานอัยการ

ส่วนอัยการ กฎหมายก็ให้มีอำนาจสั่งให้ตำรวจสอบสวน โดยที่มีจุดประสงค์ร่วม
กันคือ เพื่อความรอบคอบและเที่ยงธรรม

แต่ที่ว่ามานั้นเป็นทางของ “มืออาชีพ”

ในโลกแห่งความจริงที่มีปรากฏคือ ยังมีข้าราชการตำรวจ อัยการ และ
ผู้พิพากษา ที่ถูกไล่ออกจากราชการด้วยเหตุทุจริตประพฤติมิชอบ

ยังคงมี “บุคลากร” อีกมากมายที่อาศัยร่มเงาขององค์กรในกระบวนการยุติธรรมเป็นแค่ที่ทำมาหากินโดยไม่คำนึงถึงความถูกผิดและความเที่ยงธรรม

ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดที่ประเทศจีน จะถูกจับกุมเข้าคุก ริบทรัพย์และประหารชีวิต

แต่ที่นี่ ประเทศไทย ใช่หรือไม่ว่าอยู่ในยุคที่เสื่อมต่ำสุดขีด ไม่รู้ถูก ไม่รู้ผิด รู้กันแค่ว่าคนของใคร ใครใหญ่ก็อยู่ ไม่ใหญ่พอก็ถอยไป

การทุจริตคอร์รัปชั่นจึงฝังลึกในทุกวงการ ระบบยุติธรรมล้มเหลว คนดีๆ ที่เป็นตำรวจ อัยการ ผู้พิพากษาว้าเหว่ วังเวง !?!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image