เปิดใจ…3 ครู “บิ๊กตู่-ดาว์พงษ์” ส่งแรงใจถึง “ลูกศิษย์” แก้ปัญหาชาติ

หมายเหตุ – เนื่องในโอกาสวันครู 16 มกราคม 2559 “มติชน” ได้สัมภาษณ์พิเศษ นายเจริญ ทั่งทอง อายุ 79 ปี อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนวัดนวลนรดิศ และครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ มศ.2 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นางธานี คุ้มชนะ อายุ 75 ปี อดีตครูวิชาภาษาไทยและสังคมศึกษา โรงเรียนวัดนวลนรดิศ ครูสอนวิชาสังคมศึกษาของนายกฯ และ นางพิศศรี แจ้งไพร อายุ 76 ปี อดีตครูโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ประสานมิตร ครูของ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เกี่ยวกับทัศนคติที่มีต่อลูกศิษย์ รวมถึงการทำงานในฐานะที่เป็นนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการ ศธ.

 

เจริญ ทั่งทองเจริญ ทั่งทอง

“ตลอดเวลากว่า 1 ปี 4 เดือน ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาบริหารประเทศ ท่านมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหา ผมให้คะแนน 8.5 คะแนน จาก 10 คะแนนเต็ม ในการแก้ไขปัญหาภาพรวมของประเทศ ต้องเข้าใจว่าท่านไม่ใช่ผู้วิเศษ ที่จะเนรมิตทุกอย่างได้ในทันที ทุกอย่างต้องใช้เวลา ส่วนด้านการศึกษาให้ 9 คะแนน ขณะที่ปัญหาการศึกษายังไม่ได้รับการแก้ไขนั้น ผมให้คะแนนเรื่องความมุ่งมั่นตั้งใจของนายกฯ ส่วนผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา เป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปี ถึงจะเห็นผล

Advertisement

ส่วนการตั้ง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย และ พล.อ.ดาว์พงษ์ ผมให้ 8 คะแนน เพราะงานการศึกษาจะต้องอาศัยคนที่มีประสบการณ์ และมีพื้นฐานด้านการศึกษา แต่ทั้ง 2 ท่านเป็นมือใหม่ แต่ก็ให้คะแนนความตั้งใจแก่คนทั้งคู่ ที่มุ่งมั่นตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหา”

“หัวใจของการปฏิรูปการศึกษาอยู่ที่การปฏิรูปครู ต้องดึงคนเก่ง ดี มีจิตวิญญาณความเป็นครู มาเป็นครู ขณะเดียวกันต้องพัฒนาครูประจำการ ผมสนับสนุนระบบปิดของการผลิตครู ที่สถาบันผลิตครู ควรจะผลิตครูตามสาขาที่ขาดแคลน และตามความต้องการของประเทศ

ส่วนที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเป็นคนปากไว ความเป็นคนแข็งกร้าวของนายกฯ ผมอยากให้ดูเจตนาเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งนายกฯมีเจตนาดี นายกฯทราบดีถึงความเป็นคนปากไวของตนเอง และพยายามปรับปรุงแก้ไขอยู่ ที่ผมทราบก็เพราะเคยได้ยินนายกฯพูดกับสื่อ อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขึ้นอยู่กับสื่อที่ถามด้วย ที่ต้องไม่ไปตั้งคำถามที่ยั่วยุอารมณ์ นายกฯยังเป็นปุถุชน ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ดังนั้น อาจจะมีอารมณ์บ้าง แต่นายกฯเป็นคนที่มีความตั้งใจดีต่อประเทศชาติ เราได้คนที่มีความรู้ความสามารถ และเหมาะสมมาบริหารประเทศ ผมอยากให้มองแง่ดีส่วนนี้โดยมองข้ามจุดบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ นั้นไป”

Advertisement

 

พิศศรี แจ้งไพรพิศศรี แจ้งไพร

“ดิฉันสอนวิชาภาษาไทยให้กับ พล.อ.ดาว์พงษ์ แต่จำไม่ได้ว่าสอนในช่วงชั้นอะไรบ้าง เพราะเวลาผ่านมานานหลายสิบปี รู้สึกดีใจที่ลูกศิษย์มีความก้าวหน้า เป็นรัฐมนตรีว่าการ ศธ. ทั้งนี้ พล.อ.ดาว์พงษ์เป็นคนที่มีความกตัญญู โดยเห็นได้จากเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวที่ยังส่งโปสการ์ดอวยพรปีใหม่ให้ดิฉันทุกปี แม้ดิฉันไม่ได้ตอบกลับ ก็ยังส่งมาไม่เคยขาด

ส่วนนโยบายต่างๆ ที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ดำเนินการนั้น เท่าที่ดู เดินมาได้ถูกทางแล้ว แต่อยากเสนอให้เพิ่มนโยบายในเรื่องของการส่งเสริมคนดี คนเก่ง ให้มาเป็นครูมากขึ้น ซึ่งเมื่อก่อนการคัดคนมาเรียนครู จะเลือกจากผู้ที่เรียนเก่งอันดับหนึ่งในแต่ละจังหวัดมาให้ทุนเรียน จบออกมาแล้วเป็นครูที่ทั้งเก่ง และดี สอนลูกศิษย์ได้อย่างมีคุณภาพ ซึ่งถ้าเราให้ทุนคนเก่งเรียนครูจังหวัดละ 1 คน เท่ากับว่าในแต่ละปี จะได้คนเก่งมาเรียนครู ถึงปีละ 77 คน ต่างกับปัจจุบันที่เด็กจะเลือกเรียนครูเป็นอันดับสุดท้าย และส่วนใหญ่จะได้เด็กที่คะแนนไม่ค่อยดี เมื่อได้เด็กไม่เก่งมาเรียนครู ก็จะได้ครูที่ไม่เก่งตามไปด้วย ดังนั้น กระบวนการคัดเลือกจึงมีส่วนสำคัญ ขณะเดียวกันยังต้องไปดูหลักสูตรการผลิตครูให้มีคุณภาพ เมื่อจบมาแล้วสามารถสอนได้จริงด้วย”

ทุกวันนี้ เงินเดือนไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับครู แต่เป็นกระบวนการคัดเลือก ที่ยังไม่สามารถคัดเลือกคนเก่งมาเป็นครูได้ ทำให้เกิดปัญหา ดังนั้น หากจะแก้ไขเรื่องคุณภาพครู ก็จะต้องเร่งปรับเรื่องนี้ก่อน นอกจากนั้น ในฐานะที่ดิฉันเป็นครูภาษาไทย ยังอยากให้เน้นเพิ่มทักษะการเรียนการสอนวิชาภาษาไทย เพราะปัจจุบันพบว่าเด็กมีปัญหาในเรื่องการสะกดคำค่อนข้างมาก อาทิ เด็กบางคนอ่านคำว่า ชะนี และออกเสียงว่า ลิง สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเด็กอ่านจากภาพ เป็นผลจากการไม่สอนแบบแจกลูกสะกดคำ ดังนั้น จึงควรส่งเสริมให้โรงเรียนสอนแบบแจกลูกสะกดคำมากขึ้น”

 

 

ธานี คุ้มชนะธานี คุ้มชนะ

“ดิฉันเคยสอนวิชาสังคมศาสตร์ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ ในสมัยเรียน มศ.2 ซึ่งนายกฯในขณะนั้น เป็นเด็กเรียนดี มีมานะ ครูทุกคนต่างมองว่าเด็กคนนี้มีความสามารถ และเอาการเอางาน แม้เวลาจะผ่านมากว่า 49 ปี แต่เหตุการณ์ที่ดิฉันไม่เคยลืม คือคำถามที่นิตยสารชัยพฤษ์ของสำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช มาสัมภาษณ์นายกฯในฐานะนักเรียนเรียนดี ว่าจบแล้วอยากเรียนอะไรต่อ ซึ่งนายกฯตอบไปว่า จะเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร เพราะอยากเป็นทหารบกเหมือนพ่อ และด้วยความที่เป็นคนตั้งใจจริง ก็สามารถทำได้สมปรารถนาทุกประการ

รู้สึกภูมิใจตัวนายกฯอย่างมาก โดยเฉพาะตอนที่ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารบก (รอง ผบ.ทบ.) ขณะนั้นบ้านเมืองมีความวุ่นวาย มีการเผาบ้านเผาเมือง นายกฯได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาหลายๆ อย่าง ด้วยความเด็ดเดี่ยว กระทั่งวันที่มีการประกาศออกมาว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ คนที่ 29 ของประเทศไทย รู้สึกดีใจมากว่านักเรียนที่ได้เห็น และโตมากับเรา ประสบความสำเร็จ แม้จะไม่ได้มาตามระบบ แต่ก็ยอมเหนื่อยเข้ามาดำรงตำแหน่ง เพื่อช่วยเหลือบ้านเมืองอย่างกล้าหาญ

อยากขอให้ทุกคนเข้าใจ และให้กำลังใจท่าน เพราะท่านเป็นคนเสียสละ ยอมเหนื่อยที่จะทำมากกว่าคนอื่น ครูรู้ใจดีว่าท่านไม่ได้เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง ยามนี้บ้านเมืองมีปัญหารอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง ปัญหาเศรษฐกิจ การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย อยากฝากให้ทุกคนสำนึกถึงความเป็นไทย ทำหน้าที่ของตนให้ดี รู้จักความพอเพียง และมองดูสถานการณ์รอบตัวด้วยใจเป็นธรรม หากเราช่วยกันบ้านเมืองก็จะไปรอด รัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะพาบ้านเมืองไปได้ตลอดรอดฝั่ง ครูอยากขอให้ท่านมั่นคง และเด็ดเดี่ยว ขอให้บริหารประเทศได้อย่างสะดวก แม้ว่าจะมีอุปสรรคบ้าง ก็อย่าท้อถอย เพราะครูสวดมนต์และอวยพรให้ท่านอยู่เสมอ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image