เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าว่า ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่าตั้งแต่ปี 2554–2558 พบผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าเฉลี่ย 5-7 ราย สำหรับปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม –วันที่ 7 สิงหาคม มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าแล้ว 7 ราย แบ่งเป็น ฉะเชิงเทรา 2 ราย ตาก ระยอง สมุทรปราการ สงขลา ศรีสะเกษ จังหวัดละ 1 ราย ทั้งนี้สาเหตุของการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้านั้น ส่วนใหญ่เกิดจากการถูกสุนัขหรือแมวกัด ข่วน แล้วไม่ได้รับการดูแลรักษาหรือเข้ารับฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าอย่างถูกต้อง ดังนั้นหากถูกสุนัขหรือแมวที่สงสัยว่าเป็นโรคกัด ข่วน เลีย น้ำลายกระเด็นเข้าทางตา ปาก หรือทางผิวหนังที่มีบาดแผล ควรรีบปฐมพยาบาล ล้างแผลทันทีด้วยน้ำและฟอกด้วยสบู่หลายๆ ครั้ง แล้วเช็ดแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโพวีโดนไอโอดีน ถ้าไม่มีให้ใช้แอลกอฮอล์ 70% หรือทิงเจอร์ไอโอดีน จากนั้นไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที เพื่อรับการฉีดวัคซีน
“โอกาสที่คนจะติดเชื้อหลังถูกสัตว์ที่ป่วยหรือมีเชื้อโรคกัดหรือข่วนขึ้นอยู่กับจำนวนเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย สายพันธุ์ของเชื้อ รวมถึงตำแหน่งที่ถูกกัด สำหรับระยะฟักตัวของโรคนั้น มีตั้งแต่ 1 สัปดาห์ หรือเกิน 1 ปี ส่วนอาการของโรคเริ่มจาก 2-3 วันแรก เบื่ออาหาร เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว มีไข้ อ่อนเพลีย ชา เจ็บเสียว หรือปวดบริเวณรอยแผลที่ถูกกัด คันอย่างรุนแรงที่แผลและลำตัว ต่อมาจะมีอาการกระสับกระส่าย กลัวแสง กลัวลม ไม่ชอบเสียงดัง เพ้อเจ้อ กลืนลำบาก โดยเฉพาะของเหลว กลัวน้ำ และกล้ามเนื้อขากระตุก แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก หรืออาจชัก เกร็ง อัมพาต หมดสติ และตายในที่สุด” นพ.อำนวยกล่าวและว่า เพื่อป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ควรใช้หลัก 5 ย.คือ อย่าแหย่ อย่าเหยียบ อย่าแยก อย่าหยิบ อย่ายุ่ง แต่หากถูกสุนัขหรือแมวกัดให้รีบล้างแผลด้วยสบู่และน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง ใส่ยาฆ่าเชื้อ เช่น เบตาดีน และรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคอย่างเหมาะสม รวมถึงกักขังสัตว์ที่กัดสังเกตอาการอย่างน้อย 10 วัน หากสัตว์ตัวนั้นตายให้รีบแจ้งกรมปศุสัตว์ หรือสถานเสาวภาเพื่อส่งตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการ และหลังถูกกัด ควรรับการฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่องครบชุดตามเวลาที่แพทย์นัด
