ผู้ว่าตรังเปิดใจกลางห้องประชุม พิษระเบิด มีคนฟ้องส่วนกลาง ทำถูกเด้งเข้ากรุ

พิษบึ้มเซนเตอร์พ้อยตรัง ส่งผลเด้งพ่อเมืองตรัง มีการชิงพริบ แย่งผลงาน อ้างพ่อเมืองตรังออกมาให้ข่าวผิดพลาด เป็นการขัดผลประโยชน์ตลาด ทั้งที่เป็นการก่อการร้ายลอบวางระเบิด

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 30 สิงหาคม 2559 ณ ห้องประชุมพระยารัษฎา ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดตรัง นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังพร้อมด้วยคณะกรรมการรักษาความสงบเรียบร้อยส่วนภูมิภาคจังหวัดตรัง ทหาร ตำรวจ กอ.รมน. ประชุมรายงานความคืบหน้าการทำงานสถานการณ์รอบเดือนที่ผ่านมา

นอกจากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ยังได้กล่าวถึงการดำเนินงานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ประสบเหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่ตลาดเซนเตอร์พ้อยส์และเพลิงไหม้ห้างสรรพสินค้าลีมาร์ท เมื่อวันที่ 11-12 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา ได้มีการเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาในด้านต่าง ๆ แล้ว ซึ่งการช่วยเหลือผู้ประกอบทางหอการค้าจังหวัดตรัง และ ททท.ตรังได้ให้ผู้ประกอบการยื่นความประสงค์เพื่อจำหน่ายสินค้าในเทศกาลหมูย่างและขนมเค้กเมืองตรัง จำนวน 12 ราย ส่วนที่เหลือแจ้งว่าไม่มีกำลังพอที่จะนำสินค้ามาจำหน่าย ส่วนผู้ประกอบการจำนวน 15 ราย ขอไปขายที่ตลาดถนนคนเดิน ซึ่งทางเทศบาลนครตรังกำลังประสานงานให้ ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้กำชับว่าให้เปิดตลาดให้เฉพาะผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์โดนลอบวางเพลิงเท่านั้น เนื่องจากหากเปิดตลาดมากจะมีปัญหาตามมาภายหลังหรือมีการแย่งลูกค้า

และจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่ตลาดเซนเตอร์พ้อยส์และเพลิงไหม้ห้างสรรพสินค้าลีมาร์ท ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการพิสูจน์ซากกับทางตำรวจแห่งชาติ ซึ่งพิสูจน์หลักฐานมาหลายรอบแล้ว ขณะนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์หลักฐานได้ชัดเจน กรณีการเผาห้างห้างสรรพสินค้าลีมาร์ทยังต้องสืบหาพยานวัตถุต่อไป เพราะถึงวันนี้ยังไม่มีหลักฐานใด ที่จะโยงไปถึงผู้ก่อเหตุเพื่อที่จะออกหมายจับได้

ส่วนทางด้าน กอ.รมน. ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า หลังจากเกิดเหตุลอบวางระเบิดที่ตลาดเซนเตอร์พ้อยส์ที่ผ่านมาไ ด้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า กล้องCCTV ปรากฎว่าหลักไม่เพียงพอ และจะมีการเตรียมซ้อมแผนเพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ เพราะที่ผ่านมาพบอุปสรรคมากมายในการหาหลักฐาน

ADVERTISMENT

ขณะที่ทางเทศบาลนครตรัง แจ้งว่า กล้อง CCTV ในเขตเทศบาลนครตรัง มีจำนวน 117 จุด ติดตามทางแยก และขณะนี้ขอทำงบประมาณเร่งดำเนินการเพื่อซื้อกล้อง CCTV ติดตั้งเพิ่มเติม

ต่อมา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้กำชับว่าขอให้เจ้าหน้าทุกฝ่ายเพิ่มความเข้มในการหาข่าว การติดกล้อง CCTV การซ้อมแผนเพื่อเตรียมความพร้อม เพราะเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นหากไม่มีความพร้อมในทุกส่วนก็ไม่สามารถดำเนินการติดตามผู้กระทำความผิดได้

ก่อนจะปิดการประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้เปิดใจในที่ประชุมว่า เพราะเหตุการณ์ลอบวางระเบิดนี้แหละที่ทำให้ตนต้องโดนสั่งย้าย เพราะมีคนรายงานไปยังเบื้องบนว่า ตนเองให้ข่าวคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ทั้งที่ตนเองยอมเอาตัวเองเพื่อปกป้องฝ่ายความมั่นคงไม่อยากให้ต้องเหนื่อยกับการติดตามสืบหาข่าว และคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่เหตุลอบวางระเบิด เพราะที่ผ่านมาจังหวัดไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นในจังหวัดตรังก่อนที่จะเกิดเหตุต่อเนื่องไปยังจังหวัดต่าง ๆ แต่ตนเองได้รายงานเรื่องราวทั้งหมดแจ้งให้ทราบแล้ว รอว่าทางเบื้องบนจะให้ความยุติธรรม เป็นธรรมกับตนอย่างไร