เนื่องจากประชาชน อ.คลองหอยโข่ง มีอาชีพหลักคือทำสวนยางพารา แต่ในสภาวะปัจจุบันราคายางพาราตกต่ำ รัฐบาลต้องการให้ชาวสวนยางทำสวนยางแบบผสมผสาน แทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยว เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องราคายางที่มีแนวโน้มตกต่ำ
เกษตรกรหมู่ที่ 1 ต.คลองหอยโข่ง อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ใช้พื้นที่ประมาณ 5 ไร่ รวมตัวกันปลูกดอกดาวเรือง ดอกมะลิ และดอกดาหลา เพื่อส่งออกจำหน่ายในพื้นที่และตลาดในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ สร้างรายได้ให้แก่กลุ่มเกษตรกร จากรายได้เสริมกลายเป็นรายได้หลัก
นางประทิพย์ บำรุง สมาชิกหมู่บ้านไม้ดอกไม้ประดับ เปิดเผยว่า กลุ่มเกษตรกร ม.1 ต.คลองหอยโข่ง ใช้พื้นที่หลังบ้านของตนเองที่ยาวติดต่อกัน 6 คน โดยใช้พื้นที่บางส่วนของสวนยาพารา ที่ตัดโค่นยางพาราที่อายุครบกำหนด เพื่อปลูกใหม่ทดแทน แต่ต้องใช้ระยะเวลา 6-7 ปี จึงจะกรีดน้ำยางพาราได้ กลุ่มเกษตรกรจึงมีแนวคิดต้องการปรับเปลี่ยนอาชีพจากสวนยางและใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ ใช้พื้นที่ 5 ไร่มาปลูกไม้ดอกไม้ประดับเพื่อจำหน่าย สร้างรายได้เสริมจากสวนยางพารา
นางประทิพย์ กล่าวว่า ดอกดาวเรืองอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยว มีออเดอร์สั่งมาทุกวัน ทั้งที่พ่อค้ามารับถึงสวนและขายส่งในตลาดที่ อ.หาดใหญ่ ราคาดอกละ 1.20-1.50 บาท รายได้จากการเก็บดอกดาวเรืองขายแล้ว 100,000 กว่าบาท สร้างความพอใจให้กับกลุ่มเกษตรกรเป็นอย่างมาก ขณะนี้ได้ขยายผลไปปลูกดาวเรืองเพิ่มอีก 2 ไร่ เพื่อให้เพียงพอกับออเดอร์ที่สั่ง ดอกดาหลาและดอกมะลิ ยังอยู่ในช่วงของการเจริญเติบโต ยังไม่ผลิตดอก
นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา เปิดเผยว่า โครงการส่งเสริมให้ชาวสวนยางพาราปลูกพืชเศรษฐกิจแซมในสวนยางพารานั้น หลายภาคส่วนเข้ามาให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ในปีงบประมาณ 2559 จ.สงขลา ได้สนับสนุนงบพัฒนาจังหวัด 200,000 บาท ให้แก่เกษตรกรหมู่ที่ 1 ต.คลองหอยโข่งปลูกดาวเรือง ดอกดาหลา และดอกมะลิ ภายใต้โครงการพัฒนาการเกษตรแบบบูรณาการครบวงจรและ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันเกษตรภายใต้ 15 วาระการพัฒนา จ.สงขลา วาระที่ 6 เกษตรสุขภาพ เกษตรคุณภาพ เกษตรผสมผสาน รับผิดชอบ
“เพิ่มมูลค่าให้กับพื้นดินในสวนยางพารา สร้างรายได้เข้าครอบครัว เป็นหนทางหนึ่งใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรด้วยตนเอง ดีกว่านั่งงอมืองอเท้ารอการช่วยเหลือจากภาครัฐฝ่ายเดียว”นายทรงพล กล่าว
