ที่มา | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
สืบเนื่องจากกรณีการไล่รื้อชุมชนป้อมมหากาฬ เพื่อสร้างสวนสาธารณะโดย กทม. ตามแผนแม่บทเมื่อ 50 ปีก่อน ซึ่งเป็นปัญหายืดเยื้อมานาน 24 ปี โดยมีความพยายามในการพูดคุยเพื่อหาทางออกหลายครั้ง ล่าสุด กทม.ยืนยันรื้อชุมชนในวันที่ 3 กันยายน โดยได้ดำเนินการติดตั้งป้ายประกาศรื้อถอนเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา กระทั่งทางชุมชนได้จัดกิจกรรมการเยี่ยมเยือนชุมชนเมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 27-28 ส.ค. พร้อมระบุว่าอาจเป็นครั้งสุดท้าย เนื่องจากกทม.ยืนยันจะไล่รื้อนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุมชนป้อมมหากาฬ ได้ประกาศปิดชุมชนชั่วคราวโดยมีการเผยแพร่ข้อความผานทางเฟซบุ๊กของชุมชน มีเนื้อหาโดยสรุปว่า ในระหว่างเสาร์-อาทิตย์ที่ 3-4 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นกำหนดเวลาการไล่รื้อ ทางชุมชนจะหยุดกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเยี่ยมเยียน หรือแม้แต่การจำหน่ายอาหาร เนื่องจากบางส่วนอาจถูกตัดน้ำ-ไฟ นอกจากนี้ ยังอยู่ในช่วงเวลาทำใจกับสถานการณ์ดังกล่าว และยังยืนยันว่าจะขอยืนหยัดต่อสู้อย่างอหิงสาต่อไป
ข้อความทั้งหมด มีดังต่อไปนี้
จากคนป้อมฯ ถึงกัลยาณมิตรทุกท่าน
ก่อนอื่นนั้น ชุมชนป้อมมหากาฬ ต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจในพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตของชุมชน ที่มีผู้คนจำนวนมาก จากหลากหลายที่ แวะเวียนเข้ามาเที่ยวชมภายในชุมชนอย่างต่อเนื่อง
เรา (ชุมชนป้อมมหากาฬ) มีความมุ่งหมายอย่างยิ่งที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเมืองเก่า(เกาะ รัตนโกสินทร์) และสวนสาธารณะป้อมมหากาฬ ซึ่งความมุ่งมั่นตั้งใจเช่นนี้ เราได้พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะพิสูจน์ตนเองให้สังคมได้ร่วมรับรู้
แต่ด้วยในช่วงเวลาที่กลับเข้าสู่สถานการณ์ตรึงเครียดเช่นนี้
พี่น้องคนป้อมมหากาฬ ตกอยู่ในสภาวะความไม่มั่นคง ทั้งทางจิตใจและทรัพย์สิน ทุกคนต่างอยู่ร้อนนอนทุกข์ ซึ่งอาจจะไม่สามารถต้อนรับขับสัูดูแลทุกท่านได้อย่างทั่วถึงดังเช่นที่ผ่าน มา ที่เราต้องขออภัยกัลยาณมิตรทุกท่านอย่างยิ่ง มา ณ ที่นี้ แต่ก็อยากจะขอให้เข้าใจสถานการณ์ของชุมชนด้วยเช่นกันโดยนับจากนี้ จนถึงวันที่ 3-4 กันยายน 59 ชุมชนจำต้องขอหยุดกิจกรรมทุกอย่างในพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ทั้งเพื่อเตรียมตัวและเตรียมใจรับมือกับเส้นตาย 3-4 กันยายน นี้ ที่หากกัลยาณมิตรท่านใด อยากจะเดินทางมายังชุมชนฯ ในวันที่ 3-4 กันยายน ไม่ว่าจะมาร่วมสังเกตการณ์ก็ดี มาถ่ายภาพก็ดี มาแสดงพลังเคียงข้างชุมชนก็ดีนั้น
เราต้องขอแจ้งให้ทราบว่า ท่านอาจจะเดินเที่ยวชมภายในชุมชนไม่ได้, ร้านค้าขายอาหาร อาจไม่ได้เปิดขายเช่นทุกครั้ง, ห้องน้ำห้องท่า แสงไฟต่างๆ อาจไม่พร้อมเพราะชุมชนจะถูกตัดน้ำตัดไฟ, เราไม่อาจรู้ได้ว่าบรรยากาศระหว่างชุมชนกับกทม.จะเป็นเช่นไร แต่เรายืนยันว่าเราจะหยัดยืนด้วยอหิงสาและสันติวิธีอย่างที่สุด ฯลฯ
ณ วันนี้ อนาคตเป็นสิ่งที่เราไม่อาจบอกได้ว่าจะเป็นเช่นไร พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต จะยังมีลมหายใจเคลื่อนไหวต่อได้อีกไหม เรา(พี่น้องชุมชนป้อมมหากาฬ) ขอเรียนตรงนี้ว่า เราซาบซึ้งและขอบคุณเสมอสำหรับทุกกำลังและทุกพลังที่มอบให้แก่ชุมชน
ขอบคุณอาจารย์ นักวิชาการสถาบันการศึกษาทุกแห่งที่ไม่ทอดทิ้งชาวบ้านคนตัวเล็กๆ อย่างเรา ขอบคุณทุกภาคี เครือข่ายที่ยืนเคียงข้างชุมชน ไม่ว่าจะโดนคุกคาม ถูกข่มขู่หรือละเมิดสิทธิ์ต่างๆ จากอำนาจรัฐ แต่ก็ไม่เคยปล่อยมือที่จับชุมชนเลยสักครั้ง
ที่สุดนั้น แม้ความหวังจะเหลือเพียงน้อยนิด แต่ก็ขอให้ความหวังนั้นส่องสว่างนำทางให้ใจเรา
“จนกว่าจะพบกันใหม่”
ขอบคุณเหลือเกิน ขอบคุณจริงๆ จากหัวใจคนป้อมมหากาฬ