อาละวาดรายวัน แก๊งปาหินเมืองกรุง ผกก.สุทธิสารชง น.1 ตั้งทีมไล่ล่า

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 27 เมษายน นายธีธัช ชุมทอง อายุ 22 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่ตกเป็นเหยื่อคนร้ายปาหิน เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เพิ่มอีก 1 ราย หลังถูกลูกหินและได้รับบาดเจ็บที่ไหปลาร้า

โดยนายธีธัชเผยว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลา 16.00 น. ขณะที่ตนเองขี่รถจักรยานยนต์ออกจากเซ็นทรัลพระราม 9 เพื่อกลับคอนโดที่พัก ซอยรัชดา 19 ขณะขี่รถโผล่พ้นอุโมงค์ทางลอดรัชดา-สุทธิสาร มุ่งหน้าลาดพร้าว ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรกระเด็นมาโดนบริเวณไหปลาร้าข้างขวาจนรู้สึกเจ็บมาก และมีเลือดซึมออกมา จึงประคองรถจอดเข้าข้างทางและก้มมองดู ก่อนเห็นเลือดไหลเต็มหน้าอก จึงตั้งสติประคองรถกลับบ้านเพื่อทำแผล โดยพบว่าแผลมีลักษณะเป็นหลุมรูปทรงวงรี กว้าง 0.5 ซม. ยาว 1 ซม. และเป็นแอ่งลึก 2 มิลลิเมตร ปากแผลมีเศษฝุ่นสีดำจึงสันนิษฐานว่าน่าจะโดนหินดีดกระเด็นใส่ จึงไม่ได้เข้าแจ้งความแต่อย่างใด

นายธีธัชเผยอีกว่า หลังจากนั้นแฟนสาวได้ไปเจอโพสต์ของผู้เสียหายรายก่อน และมีเหยื่อเข้ามาแสดงตัวหลายคน ซึ่งจุดที่เกิดเหตุก็เป็นถนนเส้นเดียวกัน จึงคิดว่าตนเองคงตกเป็นเหยื่อแก๊งปาหินด้วย เพราะส่วนตัวก็มองว่าหากเป็นหินที่ตกลงมาจากสะพานด้านบนก็ไม่น่าจะมีความแรงขนาดทำให้เกิดแผลลึกเช่นนี้ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ขณะเกิดเหตุตนเองหันตัวขับรถในแนวตรง ทิศทางเห็นมาจากด้านหน้า ซึ่งด้านหน้าของตนเองก็แทบไม่มีรถคันอื่นเลย มีเพียงรถที่ตามหลังมา จึงคาดว่าอาจจะมาจากรถที่สวนมาจากฝั่งตรงข้ามหรือไม่ และหลังเกิดเหตุตนเองกับแฟนสาวก็หวาดกลัว ไม่มั่นใจในความปลอดภัยหากต้องขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านเส้นทางที่เคยเกิดเหตุอีก

ด้านนายดำรงค์รักษ์ มาศศิริ เจ้าของร้านบะหมี่บ้านโป่ง เจ๊แดง ระหว่างซอยลาดพร้าว 15 และ 17 เป็น 1 ในผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายปาหินใส่ร้าน โดยเล่าว่า ร้านตัวเองถูกปาหินใส่มา 3 ครั้ง ในเวลาประมาณ 21.00 น. ในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา จึงให้พนักงานคอยเฝ้าสังเกตหน้าร้านตั้งแต่ครั้งแรก และพบว่าทุกครั้งพนักงานยืนยันว่าขณะเกิดเหตุมักจะมีรถแท็กซี่สีชมพูต้องสงสัยขับชะลอมาหน้าร้าน และเปิดกระจกหน้าต่างฝั่งข้างคนขับทิ้งไว้ทุกครั้ง แต่ละครั้งที่เกิดเหตุแม้จะเป็นแท็กซี่สีชมพูเหมือนกัน แต่แถบสีคาดข้างรถจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นรถเช่า นอกจากนี้สอบถามเพื่อนร้านค้าละแวกใกล้เคียงยังพบว่ามีอีก 2 ร้าน ได้แก่ ร้านน้ำปั่น และร้านอาหารตามสั่ง ที่โดนลักษณะเดียวกันตั้งแต่ปากซอยลาดพร้าว 1 ยาวไล่จนถึงแยกรัชดา-ลาดพร้าวอีกด้วย

Advertisement

นายดำรงศักดิ์เผยอีกว่า หลังเกิดเหตุพบเป็นหินสีขาว กลมมน คล้ายกับหินประดับตกแต่งหรือหินตู้ปลาที่พบในรถผู้เสียหายรายก่อนหน้านี้ ซึ่งตนและพนักงานในร้านได้รับบาดเจ็บจากเหตุนี้ด้วย ทั้งนี้ ยอมรับว่ากังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น กลัวว่าลูกค้าที่มานั่งกินอาหารในร้านจะโดนลูกหลงไปด้วย หลังจากเกิดเหตุตนได้แจ้งความและให้ข้อมูลกับตำรวจ สน.พหลโยธิน ไปแล้ว และวันนี้ก็มาให้ข้อมูลกับฝ่ายสืบสวน สน.สุทธิสาร เพิ่มเติม

ขณะที่ พ.ต.อ.ภูริส จินตรานันท์ ผกก.สน.สุทธิสาร กล่าวว่า พบการกระทำผิดลักษณะเดียวกันนี้ในหลายพื้นที่ แบ่งเป็น สน.พหลโยธิน 2-3 ครั้ง, สน.ดินแดง 3 ครั้ง, สน.สุทธิสาร 6 ครั้ง และ สน.ห้วยขวาง 2 ครั้ง โดยในส่วนของ สน.สุทธิสาร พื้นที่ที่รับผิดชอบนั้นผู้เสียหายระบุไม่พบรถต้องสงสัย แต่จากการสอบถามผู้เสียหายในพื้นที่ สน.พหลโยธิน พบว่ามีรถแท็กซี่สีชมพูที่เข้าข่าย แต่เมื่อตรวจสอบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์กลับพบว่า หลักฐานที่อยู่ของคนขับแท็กซี่คันนั้นไม่สอดคล้องกับวันเวลาที่เกิดเหตุ ตำรวจจึงตัดออกจากกลุ่มผู้ต้องสงสัย ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบรถอีกหลายคัน ทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์ ซึ่งที่ผ่านมาจากการสอบปากคำผู้เสียหายมีแนวโน้มว่าขณะก่อเหตุคนร้ายอาจจะไม่ลงจากรถทำให้ไม่มีกล้องวงจรปิด หรือพยานเห็นตัวบุคคลหรือใบหน้าผู้ต้องสงสัยเลย

พ.ต.อ.ภูริสเผยอีกว่า ทั้งนี้ กำลังประสานข้อมูลกับท้องที่ที่เกิดเหตุเพื่อเร่งติดตามตัวคนร้าย และเตรียมรายงานผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เพื่อตั้งชุดสืบสวนร่วมในการติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี เนื่องจากเป็นคดีที่มีการก่อเหตุในหลายพื้นที่ และกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image