รวบแขกปากีสถาน แฮกข้อมูลบัตรเครดิต รูดซื้่อของเพียบ

เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 31 ส.ค. พ.ต.ท.จิรกฤต จารุนภัทร์ รอง ผกก.สส.สน.ทองหล่อ พร้อมด้วย พ.ต.ต.ทองเปลว หาญไพบูลย์ สว.สส.สน.ทองหล่อ นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ เข้าจับกุมนายกูห์ลาม เมอร์ตาซา (Ghulam Murtaza) อายุ 34 ปี สัญชาติปากีสถาน พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ยี่ห้อเลโนโว สีขาว 2 เครื่อง ชาสมุนไพร ยี่ห้อชายดิม 2 กล่อง ชาเขียว ยี่ห้อคอตเตอร์เลย์ 2 กล่อง เมล็ดอัลมอนด์ ยี่ห้ออัลโลดี จำนวน 2 ถุง น้ำหอม ยี่ห้อแบรนด์เนม 4 ขวด ภาพถ่ายหน้าจอแสดงรายการสั่งซื้อสินค้า และภาพถ่ายหน้าจอแสดงข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์ผู้อื่นที่ผู้ต้องหาแจ้งว่าได้มาจากการแฮกเกอร์ โดยสามารถจับกุมตัวได้ภายในโรงแรมอโศกเรสซิเดนซ์ แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งจากหญิงผู้เสียหายรายหนึ่งว่าขณะนั่งประชุมอยู่ในร้านกาแฟชื่อดังแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ ว่ามี คนร้ายสั่งซื้อสินค้าประเภทอาหารและเครื่องสำอางค์จากตนผ่านทางอินเทอร์เน็ตเป็นมูลค่ารวม 8,555 บาท จึงพนักงานนำสินค้าไปส่งมอบให้ เมื่อส่งสินค้ากันเสร็จแล้วจึงเรียกเก็บเงินจากทางบริษัทวีซ่า แต่ปรากฏว่าไม่สามารถดำเนินการได้โดยทางบริษัทให้เหตุผลว่า ผู้ใช้บัตรเป็นบุคคลอื่น ต่อมาวันที่ 29 ส.ค.มีชาวต่างชาติ 2 ราย สั่งซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ตอีกจากผู้เสียหายอีกครั้ง มูลค่ากว่า 1 0,000 บาท โดยให้นำไปส่งที่โรงแรมดังกล่าว แต่เมื่อตรวจสอบไปปรากฏว่า ชาวต่างชาติทั้ง 2 คนไม่ได้เข้ามาพักที่โรงแรมและไม่เคยเข้ามาในประเทศไทยแต่อย่างใด เกรงว่าจะเป็นคนร้ายรายเดียวกัน จึงเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติม

เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปตรวจสอบปรากฏว่า พบผู้ต้องหาเป็นคนมารอรับสินค้าที่สั่งจากผู้เสียหายไป เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวของตรวจก็พบคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กของผู้ต้องหากำลังเปิดหน้าจอสั่งซื้อสินค้าจากเว็บไซด์ของบริษัทผู้เสียหาย โดยใช้ข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของชาวต่างชาติทั้ง 2 ราย ที่ผู้เสียหายแจ้งไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงขึ้นไปตรวจสอบบนห้องพักเลขที่ 101 ของโรงแรมก็พบสินค้าที่ผู้ต้องหาสั่งมาจึงยึดไว้เป็นของกลาง ก่อนเชิญตัวมาสอบปากคำ

จากการสอบสวนนายกูห์ลาม ให้การรับสารภาพว่า เดินทางเข้ามาในประเทศไทยนานกว่า 3 ปี แล้ว และใช้ข้อมูลบัตรเครดิตที่เพื่อนชาวอินเดียแฮกข้อมูลมาจากทั่วโลก ใช้รูดซื้อสินค้ามาหลายครั้งแล้ว รวมมูลค่าประมาณ 1แสนบาท พร้อมทั้งย้ายโรงแรมที่พักไปเรื่อยๆเพื่อไม่ให้ถูกติดตามจับกุม นอกจากนี้ในกลุ่มเพื่อนแฮกเกอร์ของตนมีด้วยกันอีกหลายคน แต่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นและประชาชน ,มีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ โดยการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นและประชาชน, กระทำความผิดเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด และฉ้อโกง ก่อนควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ADVERTISMENT