เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 1 กันยายน ที่กองบินตำรวจ ดอนเมือง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.เดชา ชวยบุญชุม พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ท.ธนเกียรติ ชอบชื่นชม ผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย คสช.และชุดสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดและวางเพลิงในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ เดินทางด้วยเครื่องบินคาซ่า กองบินตำรวจ ไปยัง จ.ตรัง และ นครศรีธรรมราช เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีและขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติม
รอง ผบ.ตร.กล่าว ว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้ากว่า 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว มีข้อมูลความคืบหน้าอย่างน่าพอใจ หลังจากออกหมายจับผู้ต้องหา 3 รายไปก่อนหน้านี้ จากการสืบสวนเชื่อว่าคนร้ายหลบหนีในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ตาม เดินทางวันนี้เพื่อติดตามการตรวจสอบที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ที่ จ.กระบี่ และ จ.ตรัง ที่พบชิ้นส่วนโทรศัพท์ และเพาเวอร์แบงก์ ชี้ชัดว่าเป็นการวางระเบิดเพลิง ไม่ใช่ไฟฟ้าลัดวงจรหรือเหตุอื่น ทั้งนี้หากหลักฐานชัดเจนจะขออนุมัติหมายจับต่อศาลทหารเพิ่มเติม ในทุกจุด ทั้งที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.ตรัง ซึ่งคืบหน้ามาก รอเพียงการยืนยันอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้มีการคุมตัวผู้ต้องสงสัยตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อซักถาม แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
เมื่อถามว่า กรณีจับกุมผู้ต้องหาคดีระเบิด สมานเมตตา เกี่ยวกับคดีนี้หรือไม่ รองผบ.ตร.กล่าวว่า การสืบสวนไม่เกี่ยวข้องกัน เป็นการจับกุมตามหมายจับในคดีเก่า
ต่อมาเวลา 12:00 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.)ประชุมติดตามความคืบหน้าเหตุระเบิดและวางเพลิงในพื้นที่จ.ตรังและการก่อวินาศกรรมในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ พร้อมเปิดเผยว่า ความคืบหน้าคดีที่จ.ตรังมีความชัดเจนแล้วว่าเหตุไฟไหม้เกิดจากการวางระเบิดไม่ใช่เหตุอื่นดังนั้นจึงต้องดำเนินคดีที่ศาลทหารเช่นเดียวกับคดีอื่น ขณะนี้หลักฐานมีความคืบหน้าไปมาก น่าพอใจ เชื่อว่าจะสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในจ.ตรังได้เร็วๆนี้ จากการสืบสวนเหตุที่เกิดขึ้นใน2จุดของจ.ตรังมีความเชื่อมโยงกัน ขณะเดียวกันการเดินทางมาภาคใต้ครั้งนี้จะสอบพยานสำคัญหลายปากที่จะนำไปสู่การขออนุมัติหมายจับ สำหรับมูลเหตุการก่อเหตุครั้งนี้เชื่อว่ากลุ่มคนร้ายต้องการสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศ