“บิ๊กต๊อก” ปิดห้องติวผู้ว่าฯ-ตร.-นอภ.แผนประชารัฐชุมชนปลอดยา-ยังไม่ตัดสินใจเลิกเงินสินบน

“บิ๊กต๊อก” ปิดห้องติวเข้มผู้ว่าฯ ตร.-นอภ.แผนประชารัฐชุมชนปลอดยาเสพติด-ยังไม่ตัดสินใจเลิกเงินสินบนนำจับ ขอดูกฎหมายปิดช่องโหว่งบประมาณ

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 2 ก.ย. ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ผอ.ศอ.ปส.) เป็นประธานเปิดการประชุมมอบนโยบายการนำแผนประชารัฐร่วมใจสร้างหมู่บ้านชุมชนมั่นคง ปลอดภัยยาเสพติด พ.ศ.2559-2560 ไปสู่การปฏิบัติ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วยตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอทั่วประเทศ

พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวภายหลังการมอบนโยบายว่า วันนี้ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมาพูดคุยกันถึงนโยบายและการทำงานตลอด 1 ปีที่ผ่านมา รวมถึงการกำหนดทิศทางการทำงานป้องกันและปราบปราม การต่อสู้กับยาเสพติดอย่างไร ซึ่งเรามี ศอ.ปส. เรามีศูน์อำนวยการป้องกันและปราบปรามเยาสพติดระดับจังหวัดและอำเภอ วันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอเป็นหลักที่จะทำเรื่องนี้ เรามีโครงการประชารัฐร่วมใจ สร้างหมู่บ้านชุมชนมั่นคง ปลอดภัยทั่วประเทศ 81,900 แห่ง ซึ่งตนก็ได้เล่าให้พวกเขาฟังว่าการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดทั้งในและนอกประเทศทำอย่างไร จัดการกับ 5 เครือข่าย 60 กลุ่ม อย่างไร ซึ่งบัญชีรายชื่อพวกนี้ระบบการปราบจะส่งไปให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดก็จะใช้ทรัพยากรตัวเองในจังหวัดได้ดูแลเรื่องการปราบปราม ซึ่งบัญชีนี้ก็จะตรวจสอบร่วมกัน

WV7A1359_0

พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายด้านการบำบัดและฟื้นฟู ตนได้เล่าให้เขาฟังว่าวันนี้เราต้องปรับเปลี่ยนจากการที่ให้กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ดูแล ก็กลับไป สธ.ว่าจะทำให้
พ.ร.บ.การบำบัดและฟื้นฟูมันมีประสิทธิภาพได้อย่างไร เราอยากจะใช้โรงพยาบาลชุมชนที่มีอยู่แล้วทุกตำบลเป็นแหล่งดูแลรักษาเหมือนที่เราใช้แนวคิดว่าผู้เสพยาเสพติดคือผู้ป่วย ซึ่งผู้ป่วยควรอยู่กับแพทย์ ก็ได้เล่าให้เขาเข้าใจถึงการคัดแยกคนกลุ่มนี้ไปยัง สธ.ได้อย่างไร ดังนั้น ถ้าเราเริ่มจากหมู่บ้านเหล่านี้แล้ว เราก็จะเข้าใจกับพี่น้องประชาชนให้ยอมรับวิธีการบำบัดรักษา และยอมเปิดตัวออกมาสู่การเข้าบัญชีควบคุมอย่างไรในระยะยาว ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ต้องทำให้มันเกิด พร้อมทั้งเล่าไปสู่ระบบป้องกัน ซึ่งมีโครงสร้างของเยาวชน มีโครงสร้างของโรงงาน แรงงาน และหมู่บ้านชุมชนว่าเรามีแนวคิดอย่างไร ซึ่งทั้ง 3 ระบบ คือ ระบบปราบปราม ระบบป้องกัน และระบบบำบัดและฟื้นฟู ก็จะต้องจบลงที่หมู่บ้านและชุมชน ซึ่งทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน โรงเรียน ก็มีอยู่ในมือของผู้ว่าราชการจังหวัดอยู่แล้ว

ADVERTISMENT

รมว.ยุติธรรม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนยังได้พูดถึงเรื่องการยกเลิกสินบนเงินรางวัลนำจับ คือทุกอย่างตนจะทำในลักษณะของการฟังเสียงประชาชนทั้งหมด ถึงได้พูดกับเขาว่าถ้าเราไม่คิดโครงการประชารัฐร่วมใจ สร้างหมู่บ้านชุมชนมั่นคง ปลอดภัยทั่วประเทศ 81,900 แห่ง เราก็คงไม่สนใจเสียงของประชาชนที่บอกว่าทำไมยาเสพติดไม่เห็นหมดไป เดินไปตรงไหนก็ยังมีอยู่ เมื่อเสียงอย่างนี้ยังมีอยู่มันก็ต้องกลับไปที่ชุมชน ก็เหมือนที่มีการเรียกร้องเกี่ยวกับการใช้งบประมาณเรื่องนี้ว่ามันถูกต้องหรือไม่ เราจึงต้องกลับมาฟัง ซึ่งเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ก็ได้เรียกผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และ ป.ป.ส. ให้มาร่วมหารือกัน เพราะในนั้นมันจะมีทั้งงบประมาณลับ งบสายลับที่มาดูแลเจ้าหน้าที่ แต่เราต้องมาดูว่าอะไรที่เหมาะสม หรืออะไรที่จะต้องออกกฎเกณฑ์เพิ่มเติม ซึ่งหลังจากนี้ทุกฝ่ายก็คงให้ข้อคิดเห็นกลับมา

“เรายังไม่ได้ยกเลิกรางวัลนำจับ เพียงแต่เรารู้ปัญหาที่เขาไม่ค่อยสบายใจในการใช้งบประมาณว่ามันอยู่ตรงไหน ซึ่งเราก็ต้องไปออกกฎระเบียบให้รัดกุมขึ้น อย่างที่ผมเรียนว่ามันไม่ใช่ความผิดเริ่มต้น เพราะงบประมาณนี้มันอยู่ในส่วนของการปราปรามยาเสพติด มันจำเป็นที่จะต้องมีงบพวกนี้อยู่ เมื่อเราทำงานไปสักระยะหนึ่ง เราจะรู้ว่าปัญหาคืออะไร อาจจะมีช่องว่างอยู่ เราก็จะเขียนให้มันรัดกุม เพื่อความสบายใจของผู้ที่รับรู้เรื่องงบประมาณ มันก็ไม่ได้นำไปสู่การตัดสินบน 100 เปอร์เซ็นต์เลย มันไม่ใช่ เพราะยังมีความจำเป็น แต่เราก็ต้องมาดูว่าอะไรที่มันจะต้องมีระเบียบ หรืออะไรที่จะไม่ต้องนำมาเป็นเงินรางวัลได้บ้าง ซึ่งคาดว่า 1-2 สัปดาห์ก็น่าะจะได้ข้อสรุป” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว

WV7A1343_0

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกสินบนเงินรางวัลนำจับ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับผู้แทนของ ตร. แล้ว มันเป็นประเด็นที่เราต้องรับฟัง อีกประเด็นก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องของการใช้งบประมาณ ตนมีหน้าที่ที่จะอำนวยการให้เกิดความพึงพอใจทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชน ซึ่งก็ต้องอยู่ในจุดที่เจ้าหน้าที่รับได้ และสังคมก็ต้องรับได้ด้วย

ถามต่อว่า เงินสินบนนำจับมีมากว่า 20 ปีแล้ว หากจะยกเลิกจะทำให้เจ้าหน้าที่เสียกำลังใจหรือขาดแรงจูงใจหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ระยะเวลาไม่ใช่เครื่องตัดสิน สิ่งที่จำเป็นคือท่านใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าหรือไม่ ถ้าสิ่งที่ระยะเวลานานและมันมีข้อผิดพลาดท่านก็ต้องแก้ หากเราเห็นข้อผิดพลาดมาระยะเวลานานท่านจะแก้หรือไม่ ก็ต้องแก้ ซึ่งตนกำลังปรับปรุง ไม่ใช่บอกว่าระยะเวลานานและไม่ต้องแก้ มันไม่ใช่ แต่เราก็ต้องรับฟังทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ที่เคยได้รับ และสิ่งที่ออกไปสู่สังคมที่ทำไม่ให้เกิดความเชื่อใจ เพื่อนำมาปรับให้เข้าใจ ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องไม่ยาก ตนรู้แล้วว่าข้อบกพร่องอยู่ตรงไหน และได้สั่งให้เร่งแก้ไขแล้ว

ถามด้วยว่า ส่วนตัวรมว.ยุติธรรมมองเรื่องนี้มีข้อดีข้อเสียอย่างไร พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า จะรู้ทำไม่ว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร เราต้องรับฟังทั้งสองฝ่าย คนที่ได้ก็ต้องบอกว่าสิ่งเหล่านั้นดี อีกฝ่ายก็ต้องบอกว่ามันมีปัญหา ซึ่งตนกำลังสิ่งเหล่านี้ให้มันอยู่ด้วยกันให้ได้ ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับ ป.ป.ส. แต่ถ้าเรื่องไหนเชื่อมโยงกับกระทรวงการคลังก็ค่อยว่ากัน เมื่อมันถึงอีกขั้นหนึ่งที่จะต้องมีการปรับกฏหมายถ้าได้ข้อยุติแล้วค่อยว่ากัน เราต้องทำทีละขั้น

“อย่างงบประมาณมันก็เบิกผ่านผม ซึ่งเราก็เห็นตัวเลขนี้ ก็อยากจะรับรู้ และฟังเสียงสะท้อนจากประชาชน ผมเป็นคนดูแลงบประมาณแผ่นดินจึงต้องรอบคอบ แต่ไม่เป็นไร เพราะเรื่องนี้เราเชิญมาทุกฝ่ายอยู่แล้ว แต่ที่สำคัญเราควรจะมาคิดกันว่าจะทำอย่างไรให้ยาเสพติดมันหมดไปมากกว่า เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องนิดเดียว ไม่ถึงร้อยละ 5 ของเรื่องยาเสพติด” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีการใช้งบประมาณในการจ่ายเงินสินบนเงินรางวัลนำจับ จำนวนเท่าไหร่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนไม่ทราบในรายละเอียดว่าใช้เงินงบประมาณเท่าไหร่ แต่ปี 2558 ที่เข้าไปตรวจสอบ พบว่ามีงบประมาณใช้ในการจ่ายเงินสินบนรางวัลนำจับ จำนวน 170 ล้านบาท

WV7A1366

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ตนก็พูดเรื่องนี้ในที่ประชุม สื่อก็พูดกับตนแบบนี้ เวลาลงพื้นที่ประชาชนก็พูดแบบนี้ ซึ่งเราก็รับฟังเสียงที่ประชาชนบางส่วนเขาพูดว่าข้าราชการบางคนเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่ก็ต้องสนับสนุนและให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ เพราะเจ้าหน้าที่บางคนเขาเสียชีวิตและครอบครัวเขาอยู่อย่างไร คือระบบที่เราต้องดูแลเขา เราเห็นการสูญเสียของเจ้าหน้าที่ที่ปราบปรามยาเสพติด แต่ทำไมเราอยู่ตรงนี้จึงไม่คิดหายๆเรื่องให้เขาได้อยู่กันอย่างปลอดภัยบ้าง หรือการสูญเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่มันเป็นบทเรียนหรือไม่ เราก็ต้องสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจในการที่จะป้อกกันและปราบปรามยาเสพติด แต่เสียงที่ของประชาชนเราก็ต้องรับฟัง

ถามต่อว่า แนวทางการเอาเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมามีส่วนร่วม พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า คุณคิดว่าเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอยู่กับใคร อยู่กับจังหวัดหรือไม่ เพราะศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดระดับจังหวัดและอำเภอมันมีมานานแล้ว อบจ. หรือเทศบาล ก็อยู่กับกระทรวงมหาดไทย (มท.) ซึ่งตนก็ได้คุยกับรมว.มท.แล้ว ว่าจะต้องใช้ศูนย์นี้เป็นตัวขับเคลื่อน เพียงแต่ที่ผ่านมาอาจจะยังไม่ได้ถูกใช้อย่างเต็มขีดความสามารถหรือไม่ เป็นการใช้เพียงชิ้นๆเท่านั้น เช่น เอาตำรวจไปปราบ เอาทหารไปจับชายแดน ถ้าเราคิดว่าจะเอาศูนย์ระดับจังหวัด และอำเภอ ทำงานแบบบูรณาการมีทั้งภาคเอกชน ภาคประชาสังคมมาอยู่ใหมู่บ้านตำบลมันครบเครื่องอยู่แล้ว มันก็จะสามารถแก้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ที่การทำงานมันกระจัดกระจายกันไป

พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า การคัดแยกผู้บำบัดก็ต้องใช้คนในหมู่บ้านเข้าไปคัดแยก ไม่จำเป็นต้องตั้งศูนย์ใหญ่ๆ อาจจะใช้โรงพยาบาลชุมชนในการแก้ไขรักษาบำบัด และปล่อยเขากลับไปอยู่กับพ่อแม่ก็ได้ คือสิ่งที่เราคิดว่าจะไปถึงตรงนั้นได้ แต่เราต้องสร้างหมู่บ้านชุมชนให้เข้มแข็งก่อน ถึงได้ยังไงว่าจะแก้กฎหมาย จะใช้งบประมาณอะไรก็ขอให้บอกมา และตนจะไปจัดการให้ ซึ่งจะทำให้งานในหมู่บ้านทั้งด้านการป้องกัน ปราบปราม และบำบัด สามารถทำได้ครบหมด หากขาดเหลืออะไรก็บอกมา ทั้งนี้ ท้ายที่สุดก็จะเป็นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน

รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการปรับลดบัญชียาเสพติดว่า เราต้องสร้างหมู่บ้านชุมชนให้เข้มแข็งก่อน ไม่เช่นนั้นเราก็จะไปถึงตรงนั้นไม่ได้ เพราะระบบควบคุมมันไปไม่ได้ ถ้าตนบอกว่าลดราคายาบ้าให้เหลือเม็ดละ 3-5 บาท และระบบควบคุมทำไม่ได้ ก็จะทำให้ยาแพร่ระบาด แต่ถ้าระบบควบคุมดีทุกอย่างเข้มแข็งแล้วมันก็ไปกันได้ เพราะมันถูกควบคุมโดยชุมชนของเขา

WV7A1319_0

“ผมพูดแล้วไงว่า ไม่มีใครปฏิเสธว่าคนที่เข้ามาสู่วงการค้าขายมีอาชีพยาเสพติด เพราะยาบ้าเป็นสินค้าเศรษฐกิจที่สร้างความร่ำรวยได้เร็วและง่าย มีอาชญากรรมยาเสพติด ผมเชื่อว่าคนร่ำรวยคนค้าขายคงไม่พอเรื่องพวกนี้ แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องฟังเสียงประชาชนเมื่อมันถูกและเราจะควบคุมอย่างไร ไม่ให้เงิน 5-10 บาทไปซื้อกันง่ายๆ จึงต้องสร้างชุมชนขึ้นมา ต้องสร้าระบบอำเภอ หมู่บ้านขึ้นมา เพื่อรองรับเรื่องเหล่านี้ ส่วนระบบการปรับบัญชีเรากำลังคิดกันอยู่ว่าจะปรับอย่างไร เหมือนพวกกัญชา กระท่อม กำลังคิดว่าถ้าจะใช้ในเรื่องของวิถีชาวบ้าน ภูมิปัญญาชาวบ้านที่เขาใช้กันอยู่วิธีเดิมๆจะแก้กฎหมายอะไร อย่างมอฟีนถ้าเราไม่ปลูกและเราจะเอามอฟีนไปรักษาคนป่วยได้อย่างไร แต่มันมีคนเอามอฟีนไปทำฝิ่น ไปทำยาเสพติด จึงต้องดูระบบควบคุม” รมว.ยุติธรรม กล่าว