สภากาชาดไทยระดมเปิดรับอาสาสมัครแพทย์และพยาบาลช่วยบริการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม นายกฤษฎา บุญราช ผู้อำนวยการสำนักบริหารกิจการเหล่ากาชาด สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้จัดหาวัคซีนมาบริการแก่ประชาชนเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยจะเริ่มบริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไปในเดือนมิถุนายน 2564 เป็นต้นไป นั้น

เนื่องจากสภากาชาดไทยมีพันธกิจสำคัญเกี่ยวกับการแพทย์และการพยาบาลรวมทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนด้วย สภากาชาดไทยจึงได้มีนโยบายมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดในการสนับสนุนการจัดบริการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนร่วมกับหน่วยงานรัฐในพื้นที่ทั่วประเทศด้วยโดยมีการแบ่งมอบภารกิจและการบริหารจัดการให้หน่วยงานในสังกัดสภากาชาดไทยไปดำเนินการดังนี้

1.ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและส่วนกลางนั้น มอบโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ เป็นหน่วยงานหลักในการจัดโครงสร้างจุดบริการฉีดวัคซีน โดยโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์รับอาสาสมัครแพทย์ พยาบาลรวมทั้งบุคลากรของสภากาชาดไทยแล้วจัดระบบบริหารในการให้บริการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน และมอบสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์รับอาสาสมัครแพทย์และพยาบาลจากบุคคลภายนอกเพื่อไปปฎิบัติงานตามจุดบริการฉีดวัคซีน ทั้งนี้การจะออกบริการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน ณ จุดบริการทุกจุดใดนั้นให้ประสานงานกับสำนักอนามัย กรุงเทพมหานครโดยตรงในการกำหนดจุดบริการ ซึ่งขณะนี้สภากาชาดไทยได้เริ่มจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมบริการกับสำนักอนามัย กทม.แล้วจำนวน 2 จุด ได้แก่ จุดฉีดวัคซีนชุมชนคลองเตย และหน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 สามย่านมิตรทาวน์

2.ในส่วนภูมิภาคขอมอบให้นายกเหล่ากาชาดจังหวัด 76 จังหวัด เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสถานีกาชาดพื้นที่ 11 แห่งในการหารือร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อพิจารณาจัดส่งอาสาสมัครแพทย์และพยาบาลไปร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขจังหวัดหรือภาคเอกชนเพื่อให้บริการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนที่จุดบริการฉีดวัคซีนตามที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนั้นๆ จะพิจารณากำหนดตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ขอให้เหล่ากาชาดจังหวัดได้เปิดรับสมัครบุคคลในเครือข่ายของสภากาชาดไทยในพื้นที่ได้แก่ บุคลากรของสถานีกาชาด ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ คณะกรรมการกาชาดจังหวัด สมาชิกยุวกาชาด สมาชิกสภากาชาดไทย ประชาชนทั่วไปที่เป็นแพทย์ พยาบาลซึ่งเกษียณแล้วในพื้นที่หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่มีเวลาว่างและประสงค์เข้าร่วมเป็นอาสาสมัครบริการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนตามจุดบริการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน และให้สถานีกาชาดและภาคบริการโลหิตแห่งชาติพื้นที่ ให้การสนับสนุนในเรื่อง อาคารสถานที่ วัสดุ อุปกรณ์ ห้องเก็บวัสดุอุณหภูมิต่ำหรืออื่นๆ ให้แก่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเมื่อได้รับการประสานขอใช้อาคาร สถานที่ต่างๆ ก็ให้สนับสนุนตามสมควรด้วย

Advertisement

3. ในการเปิดรับสมัครอาสาสมัครสภากาชาดไทยในการไปปฎิบัติงานบริการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนนั้นแยกเป็น 2 กลุ่มคือกลุ่มแพทย์และพยาบาลที่จะทำหน้าที่ฉีดวัคซีนและดูแลประชาชนในระหว่างฉีดวัคซีน อีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีความรู้ในเรื่องการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีและหรือการทำงานด้านธุรการเพื่อไปปฎิบัติทำหน้าที่ในจุดบริการฉีดวัคซีนในการช่วยเหลือประชาชนกรอกข้อมูลในเอกสารการฉีดวัคซีนหรือลงทะเบียนข้อมูลการฉีดวัคซีนเพื่อติดตามผลการฉีดวัคซีนและการนัดหมายการรับการฉีดวัคซีนในครั้งต่อไปในระบบมือถือด้วย

นายกฤษฎากล่าวอีกว่า ตั้งแต่ช่วงการระบาดของโรคโควิด ตั้งแต่เดือน มกราคม 2563 นั้น สภากาชาดไทยได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิดในด้านต่างๆ มาแล้ว เช่น การเปิดครัวพระราชทาน อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกจ่ายแจกให้แก่ผู้ป่วยและผู้กักตนในบ้านพักที่ไม่สามารถช่วยตนเองได้และยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นๆ การผลิตและแจกจ่ายหน้ากากอนามัยในช่วงขาดแคลนจำนวน 10 ล้านชิ้น การมอบอาหารและสิ่งของใช้จำเป็นให้กับประชาชนที่กักตนเองอยู่ในบ้านพักหรือสถานที่ที่ราชการกำหนดผ่านชุดธารน้ำใจกู้ชีวิตฝ่าวิกฤตโควิด-19 ตั้งแต่เดือนมกราคม2563 ถึงปัจจุบันจำนวน จำนวน 237,245 ชุด รวมมูลค่าประมาณ 156 ล้านบาท ทั้งนี้สภากาชาดไทยและเหล่ากาชาดจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ได้ยังใช้งบประมาณซึ่งรับการบริจาคมาอีกจำนวนหนึ่งในการช่วยเหลือประชาชนด้วยการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์และการพยาบาลแก่โรงพยาบาลและสถานพยาบาลในถิ่นทุรกันดาร การสนับสนุนเครื่องนอนและสิ่งของใช้จำเป็นให้แก่คนไข้ในโรงพยาบาลสนาม เป็นต้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image