คร.ติดตาม ‘ไวรัสซิกา’ สิงคโปร์ หลังผู้ป่วยพุ่ง ขณะที่เชียงใหม่พบอีก 2 ราย

เมื่อวันที่ 4 กันยายน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสซิกาเพิ่ม 2 รายที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 จังหวัด ( เชียงใหม่ จันทบุรี เพชรบูรณ์ บึงกาฬ) ที่อยู่ระหว่างการเฝ้าระวังผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสซิกาอย่างเข้มข้น ว่า ผู้ป่วยทั้ง 2 คน มีการติดเชื้อก่อนที่จะมีการคุมเข้ม เพราะเมื่อมีการติดเชื้อแล้วจะมีระยะฟักตัวประมาณ 14 วัน จึงได้ขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดลงมาดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดร่วมกับประชาชนในพื้นที่ สำหรับตัวเลขผู้ป่วยในประเทศไทยนั้นไม่อยากให้ไปยึดติดมาก เพราะจะมีการปรับไปปรับมา เนื่องจากมีการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ (แล็ป) ไม่อยากให้กังวลกับตัวเลขผู้ป่วยในประเทศไทยมากนัก เพราะสิงคโปร์มีผู้ป่วยเกือบ 200 คน ของไทยน้อยกว่าเกือบ 20 เท่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสซิกาในประเทศสิงคโปร์ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของประเทศไทยต้องเพิ่มมาตรการดูแลด้วยหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ประเทศไทยเองก็มีมาตรการที่เข้มข้น เรื่องการกำจัดยุงลาย ให้ประชาชนและทุกภาคส่วนเข้ามาร่วม ส่วนที่สิงคโปร์ นั้นคงต้องจับตาดูประสบการณ์ครั้งนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่าตัวเลขผู้ป่วยที่สิงคโปร์น่าจะยังไม่หยุดนิ่งในเร็วๆ นี้ เพราะระยะฟักตัวของโรคต้องใช้เวลาถึงประมาณ 14 วัน และในช่วง 14 วันที่เจอผู้ป่วยรายใหม่นั้นก็ไม่ได้แปลว่าการควบคุมโรคไม่ได้ผล

เมื่อถามว่ามีการเปิดเผยข้อมูลว่าเชื้อไวรัสซิกาที่ประเทศสิงคโปร์เป็นสายพันธุ์เอเชีย ไม่ใช่สายพันธุ์ลาตินอเมริกา ทั้ง 2 สายพันธุ์รุนแรงแตกต่างกันหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า เรื่องความรุนแรงนั้นยังไม่มีใครตอบได้ จริงๆ มีการแบ่งสายพันธุ์กันอย่างไรก็ยังไม่ชัดเจน โดยสายพันธุ์เอเชียก็พบว่ามีการระบาดในเอเชียมานานมากแล้ว มีความแตกต่างจากสายพันธุ์ละตินอเมริกาอยู่ ส่วนความรุนแรง หรือการติดต่อนั้นขอเวลาให้นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์ทราบก่อน ส่วนกรณีเด็กศีรษะเล็กนั้น ประเทศไทยพบประมาณ 200-300 ราย ซึ่งมีหลายสาเหตุ ตั้งแต่แม่รับประทานยาบางอย่าง ดื่มเหล้า ติดเชื้อต่างๆ คงต้องมีการศึกษาวิจัยต่อไป ทางกรมตอนนี้ก็มีการตั้งคณะทำงานขึ่นมาศึกษาวิจัยเรื่องนี้อยู่แล้ว ส่วนหากมาจากเชื้อซิกาก็ยังตอบลำบากอยู่ดีว่า มาจากสายพันธุ์เอเชียหรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image