ที่มา | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
เมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่ป้อมมหากาฬ เขตพระนคร “ลุงดำ” หรือนายสุทิน เอี่ยมอินทร์ เครือข่ายคนไร้บ้าน ซึ่งเดินทางมาร่วมให้กำลังใจชาวชุมชนป้อมมหากาฬ กล่าวว่า การที่ กทม.ทำเช่นนี้คนไร้บ้านจะหมดไปได้อย่างไร ไล่คนให้ออกไปจากชุมชนทำให้คนไม่มีบ้าน รัฐคงคิดว่าจะปรับปรุงเป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่อยากถามว่าแล้วชีวิตคนจะทำอย่างไร ขอให้ กทม.คิดใหม่ เชื่อว่าชุมชนสามารถพัฒนาและอยู่กับป้อมมหากาฬได้
“จะปรับปรุงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้วชีวิตคนล่ะ ชาวต่างชาติเขามาเที่ยว ก็อยากเที่ยววิถีชุมชนดั้งเดิม ที่อยู่กับโบราณสถาน ไม่ได้ต้องการเที่ยวแบบที่มีการตกแต่งหรอก ถ้าจะเอาแบบตกแต่ง ประเทศเขาวิเศษกว่าเราเยอะ” ลุงดำกล่าว
ด้านนางพาสนา ศรีศรัทธา ชาวชุมชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทำงานเกี่ยวกับการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยของชุมชน กล่าวว่า แนวทางการทำงานของเรา คือการทำโครงการสำรวจข้อมูลความเดือดร้อน มาวิเคราะห์ข้อมูลกันว่าใครมีปัญหาเรื่องอะไร จะได้แก้ปัญหาให้ตรงจุด พี่น้องป้อมเดือดร้อน ถือเป็นเครือข่ายเดียวกัน วิธีการแก้ปัญหาของ 3 จังหวัดคือการให้ชาวชุมชนเขามามีส่วนร่วมในการคิด ทำ แก้ปัญหา ท่ามกลางสถานการณ์ที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัด แต่ในเรื่องที่อยู่อาศัย เรายังทำงานได้ โดยเอาคนในพื้นที่แก้ปัญหาของตนเอง ให้มีส่วนร่วมทุกขั้นตอน เพราะเห็นว่าการทำงานร่วมกันถ้าใช้กลไกนี้สามารถแก้ไขปัญหาได้ เช่นเดียวกันกับที่ป้อม
“ถ้ามีวงเจรจานั่งคุยกัน ตั้งคณะกรรมการร่วมกัน คิดว่าแก้ได้ เพราะไม่ได้แค่เรื่องบ้าน เราทำทุกมิติให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ชุมชนให้ครบทุกมิติทั้งที่อยู่อาศัย ที่ดิน การทำมาหากิน สภาพแวดล้อม และสามารถอยู่ร่วมกับโบราณสถานได้ อยากฝากถึงรัฐบาลโดยเฉพาะ กทม. ว่าควรพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ใช้สถานที่แห่งนี้ให้เป็นจุดขายการท่องเที่ยว ซึ่งคนอยู่ร่วมกับโบราณสถานได้ อย่างในมาเลเซียก็ใช้เรื่องแบบนี้ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามา ทำไมบ้านเราเป็นแบบนี้ได้ วัฒนธรรมรากเหง้าเรามีอยู่ เช่นเดียวกับ 3 จังหวัดภาคใต้ การแก้ไขปัญหาก็ใช้ความเป็นวัฒนธรรมประเพณี จึงแก้ไขได้ สถานการณ์จะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ แต่สำหรับประเด็นการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย ไม่เคยมีปัญหา เพราะใช้การมีส่วนร่วมว่าจะอยู่อย่างไร แบบไหน อยากให้ชุมชนป้อมมหากาฬเป็นที่สุดท้ายของการไล่รื้อ ไม่ใช่ไล่ที่นี่แล้วจบ แต่ยังมีชุมชนทั่วประเทศที่อยู่กับโบราณสถาน ขอให้เปลี่ยนเป็นโอกาสให้คนในพื้นที่ลุกขึ้นมาพัฒนาบ้านของตน” นางพาสนากล่าว
