ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน ยกฟ้องจำเลยคดีฆ่าน้องเต้ ลูกชายพ่อโดดตึกศาลอาญา ครอบครัวจ่อยื่นฎีกา

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยกฟ้องจำเลยคดีฆ่าน้องเต้ ลูกชายพ่อโดดตึกศาลอาญา ชี้พยานโจทก์เป็นจิตเภท ความไม่น่าเชื่อถือขัดกับวงจรปิด

เมื่อเวลา 09.00.น. วันที่ 27 พฤษภาคม ห้องพิจารณา 808 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีฆ่าผู้อื่นหมายเลขดำอ. 1809/60 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 และนางเรวดี ทัฬหสุนทร ร่วมกัน เป็นโจทก์ฟ้องนายณัฐพงษ์ เงินคีรี หรือโจ้ เป็นจำเลยในความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ

กรณีเมื่อวันที่ 15 เม.ย.59 นายณัฐพงษ์ จำเลยได้ใช้อาวุธมีดแทงนายธนิต ทัฬหสุนทร อายุ 23 ปี อดีตน.ศ.อุเทนถวาย ถึงแก่ความตาย เหตุเกิดช่วงเทศกาลสงกรานต์ ย่านดินแดง กทม. จำเลยให้การปฏิเสธ

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้ว พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ พิพากษายกฟ้อง

โดยในวันที่ศาลมีคำพิพากษานายศุภชัย ทัฬหสุนทร บิดานายธนิต ซึ่งเดินทางมาที่ศาลพร้อมภรรยา ได้กระโดดลงมาจากชั้น 8 ศาลอาญาเสียชีวิต ซึ่งคาดว่าจากสาเหตุที่คดีมีคำพิพากษายกฟ้อง

Advertisement

ต่อมาอัยการโจทก์ นางเรวดี มารดาผู้ตายโจทก์ร่วมยื่นอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย ซึ่งศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานเพิ่มเติมตามคำร้องของโจทก์ คือ นำนายพีรวิชญ์ ปุตตะจินารักษ์ หรือตง พยานคนสำคัญในคดีแทงน้องเต้เสียชีวิต ที่อ้างว่าก่อนนี้ในศาลชั้นต้นไม่สามารถมาเบิกความได้เรื่องจากป่วยทางจิต

โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์เเล้วเห็นว่าพยานโจทก์ปากนายพีรวิชญ์ ที่อ้างว่าเห็นเหตุการณ์ แต่ไม่สามารถมาเบิกความในศาลชั้นต้นได้ เนื่องจากมีอาการป่วยทางจิต จึงสั่งสอบพยาน แต่เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นทำการสอบพยาน เพิ่มเติมในชั้นอุทธรณ์ เเต่นายพีรวิชญ์ก็เบิกความชั้นต้น เเต่เพียงว่าจำเหตุการณ์ในวันดังกล่าวไม่ได้แน่นอน ในวันดังกล่าวยังรักษาอาการป่วยทางจิตอยู่

Advertisement

มีแพทย์ผู้รักษาเบิกความว่า นายพีรวิชญ์ ป่วยเป็นโรคจิตเภทมีอารมณ์ผิดปกติ อาการของโรคมีตั้งแต่หูแว่ว หลงตัวเอง ก้าวร้าว หวาดระเเวงเเละอื่นๆมองจากภายนอกไม่ทราบต้องใช้วิธีสัมภาษณ์ เเละตอนเกิดเหตุก็มีอาการหูเเว่ว พยานหลักฐานโจทก์ คงมีเพียงคำให้การในชั้นสอบสวน ซึ่งคำให้การดังกล่าวไม่สอดคล้องกับเหตุการณ์ในภาพเคลื่อนไหว จากกล้องวงจรปิด จึงมีข้อสงสัยว่าขณะที่พยานให้การสภาพจิตใจเป็นปกติจริงหรือไม่

โดยภาพจากกล้องวงจรปิด บันทึกเหตุการณ์ที่มีการทำร้ายกันห่างกันมาก จนไม่อาจไม่สังเกตได้ว่ามีการทำร้ายกันอย่างไร จึงไม่อาจรับฟังเพียงพอได้ว่าจำเลยใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายและแทงจนตาย ฟ้องของโจทก์และโจทก์ร่วมจึงฟังได้เพียงว่าจำเลยกระโดดถีบ 1 ครั้งเพียงเท่านั้นอันเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายไม่เป็นอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ

แต่โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษในการกระทำดังกล่าว ในความผิดฐานนี้ เพราะจะเป็นการพิพากษาลงโทษเกินคำขอ พิพากษายืน

ภายหลังฟังคำพิพากษาแม่น้องเต้มีอาการเสียใจและน้ำตาซึมทันที อย่างไรก็ตามน้าสาวของน้องเต้ ยืนยันว่าครอบครัวจะปรึกษาทนายทางยื่นฎีกาและหาทางต่อสู้คดีต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image