น้องชาย’จนท.ที่ดินพังงา’ผูกคอดับ ร้องยธ.ผ่าศพรอบ2 ติดใจ’ตับแตก-รอยรัด’

น้องชายที่ดินพังงาผูกคอดับ ร้อง ยธ.ผ่าศพรอบ 2 ติดใจ “ตับแตก-รอยรัด”

เมื่อเวลา 16.15 น. วันที่ 5 กันยายน ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายชัยณรงค์ อนุกูล น้องชายของนายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพังงา ที่ผูกคอตัวเองเสียชีวิตภายในห้องควบคุม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา เดินทางเข้าเขียนคำร้องการผ่าพิสูจน์ศพพี่ชายเป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิต โดยมีนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้รับเรื่อง

นายชัยณรงค์กล่าวว่า ในวันนี้เดินทางมายังกระทรวงยุติธรรมเพื่อเขียนคำร้องขอให้กระทรวงตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิต รวมไปถึงดำเนินการชันสูตรพลิกศพนายธวัชชัยเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งการผ่าพิสูจน์ครั้งนี้อยากให้เน้นเรื่องของรอยรัดที่คอและสาเหตุที่ทำให้ตับแตกว่ามาจากสาเหตุใดกันแน่ นอกจากนี้ยังขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุและห้องควบคุมผู้ต้องหา โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าขณะนี้ได้มีการปิดกั้นบริเวณดังกล่าวไว้ โดยจะต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตรวจสอบจนกว่าจะเก็บหลักฐานแล้วเสร็จ ซึ่งดีเอสไอได้ประสานให้มาดูก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะยอมรับว่าอาจไม่มีประโยชน์ต่อรูปคดีมากนัก เพราะเหตุการณ์ผ่านมานานแล้ว โดยยืนยันว่าสิ่งที่ยังติดใจเกี่ยวกับการเสียชีวิตคือเรื่องผลชันสูตรพลิกศพที่ระบุว่ามีตับแตก และ รอยรัดที่บริเวณลำคอที่ไม่ตรงกับวัสดุที่นายธวัชชัยใช้ผูกคอจนกระทั่งเสียชีวิต ส่วนกรณีที่กระทรวงยุติธรรมจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้นยังไม่เห็นรายชื่อว่ามีใครอยู่ในคณะกรรมการร่วมชุดนี้บ้าง แต่อยากให้นิติเวชจาก รพ.ตำรวจร่วมด้วย

ด้านนายธวัชชัยกล่าวว่า ทางกระทรวงยุติธรรมได้มีการรับคำร้องไว้แล้ว แต่การผ่าพิสูจน์ศพครั้งที่ 2 จะต้องได้รับความยินยอมจากทางญาติก่อน โดยกรณีนี้กระทรวงยุติธรรมอยู่ในขั้นตอนการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งคาดว่าการตั้งคณะกรรมการจะเสร็จเรียบร้อยภายในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรมกำชับว่า ทุกขั้นตอนนั้นจะต้องอยู่บนข้อเท็จจริง ส่วนที่นายชัยณรงค์ร้องขอเข้าไปดูบริเวณห้องควบคุมตัวผู้ต้องหา ที่บริเวณชั้น 6 ของดีเอสไอ ซึ่งเป็นจุดเกิดนั้นไม่สามารถเข้าดูได้ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ได้มีการปิดกั้นบริเวณไว้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบ จนกว่าจะมีการเก็บหลักฐานแล้วเสร็จ ส่วนประเด็นเรื่องการขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดต้องให้เวลาในการรวบรวมก่อน เพราะมีกว่า 7 พันไฟล์ เชื่อว่าอย่างไรก็ตาม ดีเอสไอต้องให้ตรวจสอบอย่างแน่นอน เนื่องจากไฟล์ภาพดังกล่าวไม่สามารถตัดต่อได้

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image