“บิ๊กต๊อก”หนักใจ สังคมจะเข้าใจผลสอบ”ที่ดินผูกคอดับ ห้องข้งดีเอสไอ อย่างไร ระบุ ไม่เคยปกป้องคนผิด อยากให้รู้ผลเร็วเห็นใจคนตาย ไม่ขอพูดโต้หมอเหรียญทองอีกยุติแล้ว เป็นเรื่องของดีเอสไอ ถ้าเสียหายก็ว่ากันไป
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 6 ก.ย. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนของกระทรวงยุติธรรม กรณีการเสียชีวิตของนายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพังงา สาขาท้ายเมือง ผู้ต้องหาใช้ถุงเท้าผูกคอเสียชีวิตที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่าเรื่องนี้ขอให้ไปสอบถามนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เพราะตนได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงไปดูแลเรื่องนี้ ซึ่งตนไม่ทราบว่ามีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว เพียงตนได้บอกเขาไปแล้วว่าควรใช้คนนอก ควรใช้อะไร ซึ่งก็เป็นนโยบายที่ตนมอบหมายไปแล้ว ตนคิดตามสังคมเพื่อให้สังคมเกิดความสบายใจ หากมีอะไรอีกก็ขอให้เสนอมายังตน ซึ่งตนจะสั่งให้ทั้งนั้น ทั้งนี้ ตนก็คิดมาตลอดว่ามันครอบคลุมหรือยัง อย่างไรก็ตาม การตั้งคณะกรรมการดังกล่าว ก็อยากให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้ดูด้วยว่าเขาพอใจหรือไม่ แต่ก็เป็นเรื่องภายในของกระทรวง ส่วนด้านกฎหมายทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ก็ว่ากันไป
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวถึงกรณีนายชัยณรงค์ อนุกูล น้องชายของผู้เสียชีวิต ต้องการให้มีนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจร่วมในคณะกรรมการชุดดังกล่าว ว่าได้หมด เพราะตนก็บอกไปแล้วว่าอยากให้ครอบครัวเขามีส่วนร่วม ดังนั้น ให้ไปบอกปลัดกระทรวงว่าต้องการอย่างนี้ เพียงแต่ว่าหน่วยงานนั้นจะส่งใครมาเราก็ต้องไปขอเขา ตนทำทุกเรื่อง ไม่ต้องห่วง ซึ่งวันนี้มีคนห่วงตนเยอะ เขียนในคอลัมน์เยอะแยะ ซึ่งไม่ต้องห่วงตนหรอก เพราะได้สั่งการทั้งหมดไปตั้งแต่วันแรกแล้ว
“แต่ก็ต้องเข้าใจว่าผมเองเป็นคนที่ดูแลกระบวนการยุติธรรม ในเมื่ออะไรที่ยังไม่ได้ข้อยุติก็อย่าเพิ่งไปดำเนินการ ผมพูดในหลักการกระบวนการยุติธรรม บังเอิญเรื่องนี้มันก็มาเกิดในคนของผมพอดี ก็แยกแยะกันไม่ออกว่าผมออกมาพูดอะไร กลายเป็นว่าผมไปปกป้องลูกน้องที่กระทำผิดหรือเปล่า ซึ่งมันไม่ใช่ แต่ถ้าแยกออกก็จะเข้าใจว่าผมพูดในระบบกระบวนการยุติธรรมซึ่งต้องเข้าใจตรงนี้ และต้องเข้าใจว่าผมมันสองสถานะ คือในฐานะผู้บังคับบัญชา ผมก็สั่งให้ปลัดได้ดำเนินการแล้ว แต่ฐานะที่ดูแลกระบวนการยุติธรรมของรัฐบาลชุดนี้ ก็จะต้องสร้างความเข้าใจให้กับสังคมที่ถูกต้องว่าเราต้องรอการดำเนินการ ไม่ควรมีใครคนหนึ่งไปชี้นำ” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
รมว.ยุติธรรม กล่าวต่อว่า แต่ถ้าใครผิดมันต้องลงโทษอยู่แล้วที่ผ่านมาก็รู้ว่า ตนไม่เคยปกป้องคนที่ผิด แต่เราต้องสร้างกระบวนการยุติธรรมให้เข้าใจ มันเป็นระบบกระบวนการยุติธรรม ต้องแยกตนออกจากสองระบบนี้ให้ได้ และก็คงไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว ส่วนกรณีของพล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ นั้น เป็นเรื่องของทางกระทรวงระหว่างปลัดกับอธิบดีดีเอสไอ ถ้าเสียหายก็ให้เขาว่ากันไป ส่วนตนยุติแล้ว แต่ขอให้เข้าใจว่าตนอยู่ในสองสถานะ ซึ่งบางครั้งช่วงจังหวะเวลามันไม่ถูกก็ต้องว่ากันไป ทั้งนี้ก็อยากให้ทุกเร็วเพราะเห็นใจผู้เสียชีวิต มันจะทำอย่างไรให้ออกมาไว ซึ่งตนก็คิดอยู่ทุกวัน และสังคมก็สามารถคิดได้ทั้งหมด ซึ่งมันก็เกิดความเสียหายต่อดีเอสไอ ที่จะต้องทำคดีในลักษณะนี้หลายคดี
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ดังนั้น ต้องรอกระบวนการยุติธรรม เมื่อตร.เสนอไปอัยการ และไปที่ศาล ซึ่งศาลก็ต้องสั่งคดีว่าเสียชีวิตด้วยการฆาตกรรมหรือทำร้ายตัวเอง ถ้าเสียชีวิตด้วยการฆาตกรรมก็ต้องกลับมาสอบว่าใครเป็นคนทำ ซึ่งก็เป็นขั้นๆไป แต่ในกระทรวงแม้จะเสียชีวิตด้วยอะไรก็ตาม คนที่ทำไม่ถูกหรือประมาทเลินเล่อให้เกิดเหตุแบบนี้มันก็ต้องผิดทางวินัยอยู่แล้ว แต่จะมากหรือน้อยก็ว่ากันไป สมมติว่าผู้ต้องหาทำร้ายตัวเอง คนที่ดูแลคดีนี้ก็ต้องมีความผิดทางวินัย ซึ่งเขาก็สอบกันอยู่แล้ว ทั้งนี้ กรณีที่ดีเอสไอมีการตั้งคณะกรรมการสอบภายในของดีเอสไอเองนั้น ตนก็ทราบผลสอบเบื้องต้น เพียงแต่มันไม่มีผลทางคดี เป็นการตรวจสอบภายใน และก็ไม่ได้เป็นเครื่องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของดีเอสไอเองในเรื่องนี้ เพราะพูดไปมันก็ไม่ใช่ จึงให้รอบุคคลนอกหรือญาติเขามาดู ส่วนจะ 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่นั้น ตนก็ยังหนักใจอยู่เหมือนกัน ไม่ได้หนักใจว่าคนของเราผิดหรือไม่ผิด แต่หนักใจที่ว่าสังคมจะเข้าใจอย่างไร