ที่มา | มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | ชุติมา นุ่นมัน [email protected] |
เสือพีเพราะป่าปก ป่ารกเพราะเสือยัง ดินเย็นเพราะหญ้าบัง และหญ้ายังเพราะดินดี
สุภาษิตโบราณๆ ที่บอกความเป็นจริงของระบบนิเวศ หมายถึง การพึ่งพาอาศัยของป่า และสัตว์ป่า โดยเฉพาะเสือ ที่เป็นสัตว์นักล่าที่จะอาศัยอยู่ในป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์เท่านั้น
วันนี้ มีเสือที่อาศัยอยู่ในป่าธรรมชาติทั่วประเทศประมาณ 250-300 ตัว พื้นที่ป่าที่ถือว่ามีเสือโคร่งชุกชุมมากที่สุด คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ประมาณการว่า น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 100 ตัว ที่เหลือกระจายอยู่ตามป่าต่างๆ ทั่วประเทศ
ประเทศไทยกำลังจะประกาศความสำเร็จที่เคยให้ไว้กับกลุ่มประเทศที่มีเสืออยู่ในป่าธรรมชาติทั่วโลก 13 ประเทศ เมื่อปี 2553 ว่า หลังจากนั้น อีก 12 ปี คือ ในปี พ.ศ.2565 ทุกประเทศจะต้องทำให้ประชากรเสือโคร่งในป่าอนุรักษ์เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจากที่มีอยู่เดิม
ประเทศไทย จากการสำรวจพบว่า มีเสือในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ประมาณ 200-250 ตัว แต่เนื่องจากเรายังมีปัญหาเรื่องการบุกรุกทำลายป่าซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเสือและยังมีการล่าสัตว์ป่าซึ่งเป็นเหยื่อของเสือซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเพิ่มปริมาณเสือในป่าธรรมชาติด้วย ดังนั้น รัฐบาลในขณะนั้น ได้ประกาศเพิ่มปริมาณเสือ 50% ของปริมาณที่มีอยู่เดิมซึ่งหมายถึงเพิ่มแค่ 100-125 ตัว ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่าการเพิ่มถึง 200-250 ตัว
ศักดิ์สิทธิ์ ซิ้มเจริญ หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 นครสวรรค์ และผู้เชี่ยวชาญเรื่องเสือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า 6 ปีที่ผ่านมานับแต่ประเทศไทยเคยให้สัตยาบันกับนานาประเทศที่มีเสือเอาไว้นั้น เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง เพราะการขยายพันธุ์ของเสือไม่ใช่เรื่องยาก ความยากก็คือปัจจัยของการทำให้เสืออยู่ได้ นั่นคือ เหยื่อ และที่อยู่อาศัย ซึ่งหมายถึงผืนป่า ทั้งนี้ เสือ 1 ตัว ต้องมีอาณาเขตสำหรับอยู่ และล่าเหยื่อไม่ต่ำกว่า 100 ตารางกิโลเมตร ต้องมีเหยื่อให้ล่ากินอย่างเพียงพอ ซึ่งเหยื่อของเสือก็คือสัตว์ตีนกีบทั้งหลาย เช่น วัวแดง กวางป่า เก้ง กระทิง และหมูป่า โดยพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ค่อนข้างจะดูแลปัจจัยเหล่านี้ได้ดี ทำให้ปริมาณเสือเพิ่มขึ้นได้อย่างไม่ยากนัก
ที่สำคัญคือ เสือจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งยังออกไปสร้างอาณาเขตใหม่ ในป่าที่อยู่ติดกับห้วยขาแข้งอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ หรือ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ป่าอื่นๆ ยังไม่มีความชัดเจนถึงปริมาณเสือ ว่ามีจำนวนเท่าไร เพราะไม่ได้มีการสำรวจอย่างจริงจัง แต่จากการรายงานของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติฯที่ออกลาดตระเวน และได้ตั้งข้อสังเกตประชากรเสือในป่าต่างๆ ก็พบว่า หลายพื้นที่มีเสือโคร่งอาศัยอยู่ไม่น้อย เช่น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ทั้งด้านฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา
แต่น่าตั้งข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่งคือ พื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ผืนป่าใหญ่อุดมสมบูรณ์ ที่ได้รับการยกย่องเป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติกลับไม่มี และไม่พบร่องรอยเสือโคร่งเลย ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ป่าเขาใหญ่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นดงเสือชุมแห่งหนึ่ง ชุมถึงขั้นมีเรื่องเล่าว่าเสือโคร่งบุกขึ้นไปทำร้ายเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เสียด้วยซ้ำ
กรณีดังกล่าว เป็นที่มาของแนวคิดการกระจายประชากรเสือ โดยคิดจะเอาเสือจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ไปไว้ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
เป็นแนวคิดที่ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) บอกว่า มีคนมานำเสนอ และเห็นว่าน่าสนใจดี จึงสั่งการให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ
ไปศึกษาความเป็นไปได้
เรื่องนี้ น่าสนใจ และน่าเป็นกังวลในเวลาเดียวกัน
การย้ายสัตว์จากป่าหนึ่ง ไปอยู่อีกป่าหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องที่อยู่ๆ นึกจะทำก็ทำได้ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ชนิดนั้นคือ เสือ ที่ได้ขึ้นชื่อว่าผู้ล่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในป่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่อ่อนไหวอย่างยิ่ง
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเสือ คนหนึ่ง บอกว่า การย้ายเสือจากป่าหนึ่ง ไปอีกป่าหนึ่ง ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่การย้ายเสือนั้นจะเป็นขั้นตอนสุดท้าย หลังจากที่เตรียมการในเรื่องอื่นๆ เอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
ก่อนที่จะเพิ่มประชากรเสือในที่ใด จะต้องมีปัจจัยหลักที่ทำให้เสืออยู่ได้ก่อน นั่นคือ แหล่งที่อยู่ ซึ่งก็คือ ป่าที่อุดมสมบูรณ์ และเหยื่อ ซึ่งถ้าไม่มีป่าที่เหมาะสม ไม่มีเหยื่อที่เพียงพอ ก็ไม่มีวันที่จะมีเสือได้ พื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไม่ใช่ว่าไม่เหมาะสมที่จะมีประชากรเสือ เพราะก่อนหน้านี้ก็เป็นพื้นที่หนึ่งที่มีเสือชุกชุมมาก่อน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ในพื้นที่มีการล่าเสือด้วย ทำให้ประชากรลดลงอย่างรวดเร็วและหายไปในที่สุด
ที่บอกว่า เขาใหญ่ไม่มีเสือ ห้วยขาแข้งมีเสือ ดังนั้น ให้จับเสือจากห้วยขาแข้งไปไว้ที่เขาใหญ่ ทำแบบนี้มันง่ายเกินไปและไม่มีที่ไหนเขาทำกันแน่นอน
เสือ 1 ตัว ต้องมีอาณาเขตการหากินไม่ต่ำกว่า 100 ตารางกิโลเมตร รวมทั้งต้องมีเหยื่อให้ล่าอย่างเพียงพอด้วย ประการสำคัญคือ พื้นที่นั้นจะต้องมีมาตรการในการป้องกันการลักลอบล่าสัตว์อย่างดี มิฉะนั้นแล้ว เอาเสือไปปล่อยก็ไม่มีประโยชน์ เพราะในที่สุดก็ถูกล่า เมื่อทุกอย่างพร้อม นำเสือไปปล่อยแล้วก็ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยจะต้องดูแล ควบคุมปัจจัยในการอยู่รอดของเสือให้มีความสมดุลตลอดเวลา ไม่ใช่แค่เอาเสือไปปล่อยเป็นมหกรรม ปล่อยแล้วปล่อยเลย หรือนึกอยากจะปล่อยก็ปล่อย ทำแบบนั้นก็เหมือนเอาเสือไปตาย
บางที คนเราก็คิดอะไรกันง่ายๆ เกินไป คิดแล้วทำอย่างไม่รอบคอบ หรือทำแล้วขอให้ได้แค่ทำ ทิ้งๆ ขว้างๆ
ได้แต่ภาวนาว่า ขออย่าให้คนเหล่านั้นเข้ามาอยู่ในวงจรที่ต้องดูแลทรัพยากรในประเทศชาติเราเลย