กระทรวงวิทย์ฯทำสำเร็จ ‘ยุงลายฉายรังสี’พร้อมพุ่งผสมพันธุ์ ปล่อย’เชื้อหมัน’สู่ตัวเมีย

นายพรเทพ นิศามณีพงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(วท.) กล่าววว่า หลังจากมีการเปิดเผยเรื่องการทำหมันยุง เพื่อลดปริมาณยุงลาย ซึ่งเป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก ชิคุนกุนยา ไวรัสซิกา ไวรัสเดงกี่ ซึ่งโรคดังกล่าวทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของประชาชนชาวไทยจำนวนมาก สทน.ในฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ เพื่อการทำหมันแมลง พร้อมสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญ และห้องปฏิบัติการการฉายรังสี เพื่อฉายรังสียุงลาย และร่วมทดสอบในขั้นตอนต่างๆ เพื่อให้สามารถผลิตยุงลายที่เป็นหมันให้เพียงพอ ต่อการลดจำนวนยุงลายในธรรมชาติ และทำให้การเกิดโรคที่ยุงลายเป็นพาหะลดลง

“เราจะรับผิดชอบในขั้นตอนการฉายรังสีให้ยุงลายเป็นหมัน ซึ่งหน้าที่นี้เป็นขั้นตอนสำคัญ และถือว่าเป็นความเชี่ยวชาญของ สทน. เพราะ สทน.ประสบความสำเร็จในการฉายรังสีแมลงวันผลไม้ จนสามารถพัฒนาพันธุ์แมลงวันผลไม้ที่เป็นหมันที่เป็นพันธุ์เฉพาะของประเทศไทยได้ และสทน.มีโรงเลี้ยงแมลง และฉายรังสีแมลงขนาดใหญ่พร้อมฉายรังสีแมลงหรือยุงในปริมาณมากๆ ซึ่งปัจจุบันนี้ห้องปฏิบัติการฉายรังสีแห่งนี้ได้รับการรับรองจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือ IAEA ให้เป็นปฏิบัติการฉายรังสีในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย ซึ่งสทน.มีความพร้อม 100% ในการร่วมปฏิบัติงานในโครงการทำหมันยุงครั้งนี้” ผู้อำนวยการ สทน.กล่าว

ด้านนายวณิช ลิ่มโอภาสมณี ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ สทน. เปิดเผยว่า ยุงเป็นปัญหาระดับโลก โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา การทำให้ยุงเป็นหมัน เพื่อลดปริมาณยุงนั้น โดยหลักๆ มี 3 วิธี โดยวิธีแรกทำให้เป็นหมันโดยการตัดต่อพันธุกรรม ขณะนี้มีบริษัทเอกชนที่อังกฤษ นำไปใช้และดำเนินการอยู่ในบราซิล แบบที่ 2 คือ การใส่เชื้อแบคทีเรียในช่วงที่ยุงเป็นไข่ ทำให้ยุงที่ฟักออกมา หากเป็นตัวผู้จะเป็นหมันทันที แต่ถ้าเป็นตัวเมียก็จะเป็นพาหะที่เมื่อไปผสมพันธุ์อาจจะเป็นหมันในรุ่นต่อไป เทคนิคนี้ใช้อยู่ในจีน ในออสเตรเลีย สุดท้ายก็คือการฉายรังสีเพื่อในยุงเป็นหมัน ซึ่งเริ่มมีการใช้เทคนิคนี้ในอเมริกา ฝรั่งเศส ซึ่งประเทศไทยเราเองมีความพร้อมในด้านนี้

นายวณิชกล่าวว่า ไอเออีเอได้มีการทดลอง และงานวิจัยอยู่ส่วนหนึ่ง ฉะนั้นโครงการในเมืองไทย ถือว่าโชคดีอาจจะไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์โดยสามารถอาศัยผลการวิจัยของ IAEA ที่ระบุว่าใช้ปริมาณรังสีฉายยุงในปริมาณ 70 เกรย์ จะทำให้ยุงเป็นหมัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เรามีข้อมูลเบื้องต้น แต่อย่างไรก็ตามทาง สทน.ต้องทดลองเพิ่มเติม เพราะพันธุ์ของยุง สภาพแวดล้อมของเราอาจจะมีความแตกต่างกันจากประเทศอื่นๆ ปริมาณรังสีอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงบ้างซึ่งขณะนี้ได้ทำการทดลองจนทราบปริมาณรังสีที่เหมาะสมในการฉายให้ยุงแล้วอยู่ที่ประมาณ 60-70 เกรย์ ซึ่งไม่แตกต่างจากผลวิจัยของ IAEA นัก
“ขั้นการฉายรังสีจะกระทำในช่วงดักแด้ (ตัวโม่ง) ของยุง โดยเลือกยุงตัวผู้มาฉายให้เป็นหมัน และเมื่อยุงออกมาเป็นตัวแล้วก็จะเป็นหมัน เมื่อไปผสมพันธุ์กับยุงตัวเมียในธรรมชาติก็จะไม่มีการวางไข่ ทำให้ตัดวงจรกรกำเนิดยุงในรุ่นต่อๆ ไป ปริมาณยุงที่มีอยู่ก็จะลดลง แต่สิ่งที่ต้องทดลองและศึกษาเพิ่มเติมคือ ระยะเวลาที่ต้องให้ยุงแข็งแรงหลังจากออกมาเป็นตัวเต็มไวก่อนปล่อยออกสู่ธรรมชาติ ความสามารถในการผสมพันธุ์ว่าสามารถแข็งขันก็ยุงที่อยู่ในธรรมชาติได้ดีเพียงใด เพราะหากมีความสามารถผสมพันธุ์ได้ต่ำปริมาณยุงที่ต้องปล่อยออกสู่ธรรมชาติมากน้อยแค่ไหน ความถี่ในการปล่อยมีมากน้อยเพียงใด แหล่งที่ต้องปล่อยให้เหมาะสม เพื่อให้สามารถลดปริมาณยุงได้จริง โดยเวลานี้ มียุงลายตัวผู้อยู่ 7 กรง ราว 1 พันตัว ผ่านการฉายรังสีแล้ว ส่วนจะปล่อยได้เมื่อใด ต้องรอหารือกับทางมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งจะเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมเรื่องเวลาและสถานที่ อีกทีหนึ่ง” นายวณิชกล่าว

Advertisement

สำหรับโครงการการทำหมันยุงเพื่อลดปริมาณยุงลายพาหะนำโรคร้ายในครั้งนี้ ถือเป็นโครงการที่ได้รับความสนใจ อีกทั้งยังได้รับความร่วมมือหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในประเทศและนานาชาติ และด้วยความสามารถและประสบการณ์ของนักวิจัย และห้องปฏิบัติการฉายรังสีที่มีความพร้อมจะสามารถร่วมดำเนินโครงการ การทำหมันยุงลาย เพื่อลดปริมาณยุงอันเป็นพาหะนำโรคร้ายสู่ประชาชนชาวไทยได้สำเร็จ และเป็นคนไทยปลอดภัยจากยุงลายในที่สุด โครงการนี้เป็นความร่วมมือของ 3 หน่วยงานในประเทศได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล สทน. และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image