หมอนิธิพัฒน์ ชี้ มีวัคซีนหลายชนิดในมือ เป็นต้นทุนที่ดี วอนล็อกดาวน์กทม. หลังยอดพุ่งไม่หยุด

หมอนิธิพัฒน์ หนุนซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่ม! ชี้อะไรมาก่อนก็เอา วอนล็อกดาวน์กรุงเทพฯ 7 วัน เหตุยอดโควิดพุ่งไม่หยุด

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุร ศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยถึงกรณีที่มีประชาชนหลายกลุ่มเรียกร้องให้ภาครัฐหยุดการสั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวค เพราะมองว่าประสิทธิภาพในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 อาจจะไม่มากเมื่อเทียบกับวัคซีนชนิดอื่นๆ ว่า จะซื้ออะไรก็ซื้อได้หมด ซิโนแวคก็ยังดี อาจจะยังไม่ดีมาก หากมีของใหม่ที่ดีกว่า ถ้าหาได้ก็เอามา ยิ่งมีวัคซีนหลายชนิดในมือยิ่งเป็นต้นทุนที่ดี เพราะอนาคต มีโอกาสที่คนไทยจะต้องฉีดวัคซีนไขว้ชนิด

“ผมไม่เห็นด้วยที่ใครจะมาบอกว่าวัคซีนซิโนแวคไม่มีประโยชน์ มันยังมีประโยชน์ ช่วยลดอัตราการตายของเราในช่วงระหว่างนี้ได้ระดับหนึ่ง และเป็นของที่เราหยิบฉวยได้ง่าย หากมีโอกาสซื้อมาให้หมด มียี่ห้ออะไรกวาดมาให้หมด

การที่ออกมาเรียกร้องให้รัฐยกเลิกการซื้อวัคซีนซิโนแวคเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง มีอะไรเราต้องซื้อ ในประเทศต่างๆ ก็ทำแบบเดียวกัน ไม่มีใครคิดแบบคนที่เสนอว่าเอาแต่วัคซีน mRNA ถึงจะดีที่สุดเข้ามา ในโลกแห่งความเป็นจริงทำได้ยาก ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ กว่าจะได้คือหลังเดือนตุลาคมไปเลย ซึ่งระหว่างนี้ บางคนอาจจะไม่ได้อยู่รอให้ได้ฉีดด้วยซ้ำ อาจจะเสียชีวิตจากโควิด-19 หรือเสียชีวิตจากสาเหตุอื่นไปก่อน เพราะฉะนั้น หากมีอะไรให้ฉีดก็ฉีดไปก่อน อนาคตเมื่อมีวัคซีนมากขึ้นก็ค่อยมาฉีดเข็ม 3 กัน ไม่เป็นปัญหา” รศ.นพ.นิธิพัฒน์ กล่าว

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้ยอดการติดเชื้อโควิด-19 ในกรุงเทพมหานคร ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีอัตราการติดเชื้อจำนวนมาก เกิดหลัก 1,000 ราย อัตราการเสียชีวิตก็สูง ทั้งนี้ สัดส่วนผู้ป่วยเด็ก และผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น สะท้อนว่ามีการติดเชื้อในชุมชนจำนวนมาก ทำให้การใช้เตียงในโรงพยาบาล (รพ.) หลัก ติดขัด จำนวนเตียงระดับ 2 และระดับ 3 ที่ขยายศักยภาพมาหลายรอบเหลือไม่ถึงร้อยละ 5 ตัวเลขผู้ป่วยอาการรุนแรง ผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจ และผู้เสียชีวิต กลับมาเพิ่มขึ้นใหม่และอาจทำนิวไฮ

Advertisement

“ดังนั้น ผมยังยืนยันขอเรียกร้องให้มีการล็อกดาวน์กรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน เพราะมีพื้นที่ติดกัน และมีจำนวนผู้ป่วยจำนวนมากเช่นเดียวกัน ในส่วนที่เพิ่งจะประกาศผ่อนคลายมาตรการลงแล้วนั้นต้องมีกลับมาคุมเข้ม หากทำอย่างน้อย 7 วันแล้ว ยังไม่ได้ผล หรือไม่ดีขึ้นเท่าที่ควรอาจจะพิจารณาต่ออีก 7 วัน หากไม่เริ่มทำอะไร เราจะเห็นผู้ป่วยในกรุงเทพฯ พุ่งขึ้นเป็นหลักหลายพันรายต่อวัน ตัวเลขที่เราเห็นว่าระบบสาธารณสุขรับดูแลได้แบบสบายๆ ไม่หนักเกินไปคือ ทั่วประเทศประมาณ 1,500 รายต่อวัน แต่ตอนนี้เกินมามากแล้ว” รศ.นพ.นิธิพัฒน์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การล็อกดาวน์ต้องเริ่มเร็วแค่ไหน แล้วถ้าทอดระยะเวลาการล็อกดาวน์ออกไป หรือไม่ล็อกดาวน์จะทำให้เกิดภาพการระบาดอย่างไร รศ.นพ.นิธิพัฒน์ กล่าวว่า การล็อกดาวน์ ถ้าทำวันนี้จะเห็นผลอย่างน้อยคือ 7 วันข้างหน้า เพราะฉะนั้น ถ้าเริ่มวันนี้ นอกจากการสวดมนต์แล้วก็ต้องมีการขยาย หรือเพิ่มมาตรการคุมเข้ม

“แต่ถ้าไม่ทำวันนี้ ก็จะช้าไปเรื่อยๆ นอกจากจะทำให้เห็นอัตราการติดเชื้อมากขึ้น โคมามากขึ้น และเสียชีวิตมากขึ้น และที่กลัวคือ อย่าลืมว่าปัจจุบันยังมีคนป่วยโรคอื่นๆ อยู่ คนป่วยเหล่านี้จะได้รับผลกระทบมากขึ้น หลังจากที่ถูกแย่งทรัพยากรเตียง และบุคคลากรการแพทย์ เลื่อนการรักษาไปก่อนหน้านี้ เพราะฉะนั้น เราจะเห็นคนไข้โรคอื่นๆ แย่ลงไปด้วยไม่เฉพาะคนไข้โควิด-19 เท่านั้น” รศ.นพ.นิธิพัฒน์ กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image