ปธ.ศาลอุทธรณ์ ชี้คดี”ประหยัด พวงจำปา” ฟ้อง 3 บิ๊กยธ.ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ อยู่เขตอำนาจศาลอาญาคดีทุจริตฯ

ปธ.ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยคดีประหยัด พวงจำปาฟ้อง 3 บิ๊กยุติธรรมปฏิบัติหน้าที่มิชอบ อยู่เขตอำนาจศาลอาญาคดีทุจริตฯ นัดไต่สวนมูลฟ้อง 9 ..นี้

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมาที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบภาค1 ศาลอ่านคำวินิจฉัยที่..ปิยกุล บุญเพิ่ม ประธานศาลอุทธรณ์ได้มีคำวินิจฉัยประธานศาลอุทธรณ์ ที่วท13/2564  ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค1 คดีหมายเลขดำที่ อท.84/2563 นายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(...)ยื่นฟ้องพล...วัชรพล ประสารราชกิจ ปธ.ปปช.,..สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ... และนายวงศ์สกุล กิตติพรหมพงศ์ อัยการสูงสุดเป็นจำเลยที่ 1-3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,200 ,91  พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต .. 2561 มาตรา172,183

โดย วันนัดไต่สวนมูลฟ้องจำเลยที่ 2-3ยื่นคำร้องอ้างว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามมาตรา10(1) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง .. 2560ขอให้เสนอปัญหาเรื่องอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้นไปให้ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ .. 2555มาตรา 11ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้ส่งคำร้องพร้อมสำนวนมายังประธานศาลอุทธรณ์เพื่อวินิจฉัย

พิเคราะห์แล้ว โจทก์บรรยายและมีคำขอท้ายฟ้องสรุปได้ความว่าจำเลยทั้งสามมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา

Advertisement

จำเลยที่ 1-2 และคณะกรรมการ ปปช.ออหระเบียบการยื่นบัญชีการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 158 ซึ่งบัญญัติวางหลักไว้ว่าในการดำเนินคดีกับโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลตามวรรคหนึ่งแห่งมาตรา 158 ให้นำความในมาตรา 43 มาใช้บังคับด้วย

คณะกรรมการ ปปช.เห็นว่าการยื่นบัญชีทรัพย์สินของโจทก์เข้าข่ายเป็นการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนา ไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินจะต้องส่งเรื่องไปยังประธานวุฒิสภาเพื่อพิจารณาส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

จำเลยที่1,2  และคณะกรรมการ ปปช.ไม่อาจกำหนดระเบียบที่ขัดต่อบทบัญญัติดังกล่าวได้เพราะเจตนารมณ์ที่บัญญัติแห่งกฎหมายมาตรา158วรรคท้ายกำหนดไว้เช่นนั้นเพื่อให้เกิดธรรมาภิบาลและป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์

Advertisement

ให้ ปปช. กำหนดระเบียบมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นการเฉพาะก็ได้ให้นำความในมาตรา 43 มาใช้บังคับกับการดำเนินคดีกับบุคคลตามมาตรา158 วรรคหนึ่งด้วยโดยอนุโลมเช่นเดียวกับคณะกรรมการ ปปช.กระทำผิดฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน

โจทก์ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีตำแหน่งตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการกองขึ้นไป จึงต้องผ่านการตรวจสอบหรือผ่านการกลั่นกรองจากประธานวุฒิสภา เช่นเดียวกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติด้วย ทั้งนี้ประธานวุฒิสภาอาจแต่งตั้งมอบหมายบุคคลหรือคณะบุคคลให้มีการพิจารณาการกระทำของเจ้าหน้าที่กรณีที่เป็นการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินและพิจารณาการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เกี่ยวกับเรื่องการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินก่อนส่งให้อัยการสูงสุดดำเนินการได้

การที่จำเลยที่1,2  และคณะกรรมการปปช.กำหนดระเบียบไว้ในข้อ35และต่อมาส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีแก่โจทก์จึงเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ..2561มาตรา 158และ 43 จำเลยที่ 1,2 เเละคณะกรรมการปปช. ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์

โดยจำเลยที่1,2 และคณะกรรมการปปช.มีหนังสือถึงจำเลยที่ 3เรื่องขอให้ดำเนินคดีกรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินโดยมีมติส่งเรื่องให้จำเลยที่ 3 ดำเนินการฟ้องคดีโจทก์ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อขอให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและขอให้ลงโทษตาม พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต..2561

โดยไม่ผ่านประธานวุฒิสภาเป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจ ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมายอย่างร้ายแรงและเป็นการกลั่นแกล้งเลือกปฏิบัติทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายมีเจตนาให้โจทก์ต้องได้รับโทษทางอาญา ทำให้โจทก์ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่วนจำเลยที่ 3 ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์โดยมีคำสั่งฟ้องคดีโจทก์ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในข้อหาจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินหรือจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบและมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน

โจทก์มีหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อจำเลยที่ 3 หลายครั้ง แต่จำเลยที่ 3ใช้อำนาจหน้าที่มีคำสั่งฟ้องคดีโจทก์โดยไม่พิจารณาเรื่องขอความเป็นธรรมของโจทก์ให้ถึงที่สุด การสั่งฟ้องของจำเลยที่ 3 ต้องดำเนินการภายใต้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และทราบดีว่าตนไม่มีอำนาจฟ้องโดยไม่ผ่าน ประธานวุฒิสภาแต่กลับมีคำสั่งฟ้องคดี จึงเป็นการเลือกปฏิบัติต่อโจทก์ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ไม่สุจริต อันเป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ และเป็นการร่วมมือช่วยเหลือกันระหว่างคณะกรรมการปปช.โดยจำเลยที่1-3  และหรือเป็นการกระทำความผิดส่วนตัวของจำเลยที่ 3เอง ในการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบในการสั่งฟ้องคดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้โจทก์ได้รับโทษทางอาญาและต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที ทั้งที่โจทก์ไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดอาญา

เห็นว่าคำฟ้องของโจทก์ในส่วนของจำเลยที่1,2 เป็นการกล่าวหาว่ากรรมการ ... ทุจริตต่อหน้าที่หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย พรป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง .. 2560 ได้บัญญัติถึงการดำเนินคดีต่อกรรมการ ... ในกรณีดังกล่าวไว้ในมาตรา44,56 โดยประธานรัฐสภาเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำตามที่ถูกกล่าวหาและเสนอเรื่องมายังประธานศาลฎีกา ให้ประธานศาลฎีกาพิจารณาตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระเพื่อดำเนินการไต่สวนหาข้อเท็จจริงและทำความเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหาดังกล่าว หากคณะผู้ไต่สวนอิสระเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์ตามที่ถูกกล่าวหาให้ส่งสำนวนการไต่สวนไปยังอสส.เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาล และมาตรา 10(2) บัญญัติให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีที่คณะผู้ไต่สวนอิสระเห็นว่ากรรมการ... มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย  แต่คดีนี้ไม่ใช่การดำเนินคดีต่อกรรมการ ... โดยคณะผู้ไต่สวนอิสระจึงไม่ใช่คดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

อย่างไรก็ตามผู้เสียหาย ยังคงมีอำนาจฟ้องกรรมการ ... ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 24(2) ต่อศาลที่มีเขตอำนาจ เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157,200 พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ..2561 มาตรา 172,183  อันเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่นหรือความผิดอื่น อันเนื่องมาจากการประพฤติมิชอบ

ดังนั้นคดีนี้จึงเป็นคดีทุจริตและประพฤติมิชอบอยู่ในเขตอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ..2555 มาตรา 3วรรคหนึ่ง (1) วินิจฉัยว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ

โดยกำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 9 สิงหาคม เวลา 9.00 .

ผู้สื่อข่าวมีรายงานว่า สำหรับคดีนี้ที่ นายประหยัด พวงจำปา กับพล...วัชรพล, นางสุภา และ นายวงศ์สกุล นี้เป็นคดีที่ นายปรเมษฐ์โตวิวัฒน์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค1 ถูกร้องเรียนกล่าวหาว่า แทรกแซงการพิจารณาคดี ระหว่างโจทก์ และจำเลยในคดีข้างต้น เป็นเหตุให้ นายปรเมษฐ์ ถูก ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และ ประธานศาลฎีกา มีคำสั่งให้ ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 1

โดยนายปรเมษฐ์เห็นว่า การที่ตนเองถูกย้ายจากการปฏิบัติหน้าที่ทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม นายปรเมษฐ์ จึงใช้สิทธิ์ในการยื่นฟ้องคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในชั้นต้น รวม 3 คน ซึ่งคดี ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นตรวจฟ้อง

นอกจากนี้ นายปรเมษฐ์ ยังยื่นฟ้อง นางสุภา กรรมการ ปปช. ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 ในความผิดฐานดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี โดยศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในวันที่ 19 ..นี้ เวลา 13.30 .

นอกจากนี้ นายปรเมษฐ์ ยังได้ยื่นคำร้องต่อ นายสิระ เจนจาคะ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ กรณีที่ถูกคำสั่งของ ประธานศาลฎีกาย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 1 โดยไม่มีความเป็นธรรมอีกด้วย โดยในการประชุมคณะกรรมการตุลาการหรือ .. ครั้งที่ 14/2564 เมื่อวันที่ 21 มิ..ที่ผ่านมา  ที่ประชุมมีมติตามที่มีการเสนอให้พักราชการนาย ปรเมษฐ์  ในระหว่างการสอบสวน แต่ท้ายที่สุดแล้ว ที่ประชุม .. ก็มีมติ 9 ต่อ 6  ไม่เห็นชอบการพักราชการนายปรเมษฐ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image