ศบค.เผย กทม.ส่งเคลื่อนที่เร็ว 200 ทีม หาเชื้อโควิดในชุมชน ส่งเข้าโฮม/คอมมูนิตี้ ไอโซเลชั่น

ศบค.เผย กทม.ส่งเคลื่อนที่เร็ว 200 ทีม หาเชื้อโควิดในชุมชน ส่งเข้าโฮม/คอมมูนิตี้ ไอโซเลชั่น

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019(โควิด-19)(ศบค.) กล่าวว่า มีการหารือถึงแผนการแก้ไขปัญหาโควิด-19 เชิงรุกใน กทม. โดยกรมการแพทย์ เสนอสถานการณ์ล่าสุด พบว่าประชาชนยังต้องการเตียงสูงมาก ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการหารือเรื่องให้ผู้ป่วยแยกกักที่บ้าน(Home isolation) หรือแยกกักในชุมชน(Community Isolation) โดยเมื่อวานนี้(11 ก.ค.) ยังมีรถนำส่งผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว แต่ด้วยอัตราติดเชื้อ มีผู้ป่วยกลุ่มเหลืองและแดงมากขึ้น ก็จะมีการสงวนเตียงไว้รองรับผู้ที่มีอาการเข้าโรงพยาบาล(รพ.)

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ระดับชุมชนจะมีการจัดทีมเคลื่อนที่เร็วแบบเบ็ดเสร็จ เรียกว่า CCRT หรือ Comprehensive COVID-19 respond team ซึ่งประกอบหลายหน่วยงาน เช่น บุคลากรแพทย์ ฝ่ายความมั่นคง ผู้อำนวยการเขตทั่วกทม. และส่วนหนึ่งของการทำงาน จะค้นหาผู้ติดเชื้อในชุมชน ปรับวิธีการให้ครอบคลุมการตรวจหาเชื้อมากขึ้น หากพบผู้ติดเชื้ออยู่ระดับเขียว ก็จะให้แยกกักที่บ้าน แต่หากติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน จะให้อยู่ในสถานที่พักคอยในชุมชน หรือ รพ.สนามชุมชน(Community Isolation) โดยทีมจะต้องติดตามผู้ป่วยเพื่อความปลอดภัย ส่วนผู้ที่ตรวจไม่พบเชื้อ ก็จะให้กักกันที่บ้าน(Home Quarantine)

“สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง สีเขียวเข้ม สีเหลือง หรือแม้จะเป็นผู้ไม่มีอาการแต่เป็นผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงต่อการที่โรคแย่ลง จะมีการส่งต่อเพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างปลอดภัย ซึ่งทั่วกทม. จะมี 200 ทีมเคลื่อนที่เร็วแบบเบ็ดเสร็จ” พญ.อภิสมัย กล่าว

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ไม่แนะนำให้มีการใช้ “แรพิด เทสต์ คิท” เพื่อตรวจหาเชื้อเนื่องจากความแม่นยำต่ำ แต่ด้วยสถานการณ์เปลี่ยน จึงต้องมีการใช้แรพิด เทสต์ คิท ที่มีมาตรฐานยอมรับได้ มาใช้ตรวจให้ประชาชน อย่างไรก็ตาม ต้องทำความเข้าใจว่า แรพิดเทสต์ฯ มีหลากหลายแบบ มีทั้งตรวจหาเชื้อด้วยอนติเจน แอนติบอดี้ ทางกระทรวงสาธารณสุข จึงต้องมีการวางทิศทางนโยบายการตรวจด้วยแรพิดเทสต์ฯ และจะแถลงต่อประชาชนต่อไป

Advertisement

“สำหรับผู้ที่ตรวจด้วยแรพิดเทสต์ฯ และมีผลลบ ก็อย่างนิ่งนอนใจ ขอให้เฝ้าระวังอาการต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติเสี่ยงสูง ระหว่างที่เฝ้าระวังอาการ ต้องแยกกักตัว แม้จะมีผลลบ แต่มีคำแนะนำให้ตรวจซ้ำอีก 5-7 วัน ซึ่งจะเป็นระยะที่เชื้อมีปริมาณมากขึ้น ส่วนกลุ่มที่ตรวจครั้งแรก แล้วผลเป็นบวก ขอให้ติดต่อที่ 1330 เพื่อเข้าระบบ นำไปสู่การตรวจด้วยวิธีมาตรฐานและเข้าระบบรักษาอย่างปลอดภัย” พญ.อภิสมัย กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image