ผลโพลคนกทม.-ปริมณฑล ต้องการฉีดวัคซีน 85.5% เครียดปัญหาเศรษฐกิจ-รายได้
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนถึงเรื่องการฉีดวัคซีน โดยจัดทำโพลสำรวจในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลที่มีการระบาดโควิด-19 ค่อนข้างสูง จำนวน 1,500 คน ในวันที่ 14-15 สิงหาคม 2564
- ได้รับวัคซีนแล้ว67.3%
โดยกลุ่มตัวอย่างในพื้นที่กรุงเทพฯเน้นย้ำผู้อาศัยในชุมชนแออัด ส่วนปริมณฑลส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัทและรับจ้างทั่วไป พบว่าส่วนใหญ่ 67.3% ได้รับวัคซีนแล้ว เป็นแอสตร้าเซนเนกา ยังไม่ได้รับ 32.7%
โดยกรุงเทพฯได้รับวัคซีน60% นนทบุรี 78% ปทุมธานีนี้ 73% นครปฐม 84% สมุทรปราการ 69% สมุทรสาคร 76%
- มีความต้องการฉีด 85.5%
ทั้งนี้มีประชาชนอยากจะไปรับการฉีดวัคซีน 85.5% ส่วนผู้ที่ไม่ไปฉีดมีหลายเหตุผล เช่น ยังไม่เชื่อมั่นวัคซีน อายุไม่ถึง ไม่ได้ออกไปไหน ไม่อยากฉีด แต่มีในสัดส่วนที่น้อยลง เป็นความจำเป็นของกระทรวงสาธารณสุขจะต้องเร่งการฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้เพียงพอต่อความต้องการ
- พบ41.2%เครียดเศรษฐกิจ-รายได้
“จากการสอบถามว่ามีกลุ่มผู้สูงอายุในบ้านหรือไม่ พบว่า 73% มีผู้สูงอายุในบ้าน และในกรุงเทพฯมีผู้สูงอายุในบ้านได้รับวัคซีนแล้ว 71.7% ส่วนปริมณฑล 99.1% ในภาพรวมมีผู้สูงอายุได้รับวัคซีนแล้ว88%”
นอกจากนี้ยังได้สอบถามคือปัญหาและความเครียด ส่วนใหญ่จะเครียดเรื่องปัญหาเศรษฐกิจและรายได้ 41.2% ไม่ได้รับวัคซีน 20.5% กลัวติดโควิด 20.1% การศึกษา 18.1%
- ปรับแผนฉีดกรุงเทพฯรุกชุมชนมากขึ้น
โดยสรุปจากการสำรวจพบว่า 1.มีผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 67.3% จุดหนึ่งที่คิดว่าจะมีการรณรงค์การฉีดต่อไปโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ คือ ชุมชนแออัดและปรับวิธีการฉีด อาจจะต้องใช้การฉีดเชิงรุกลงไปในชุมชนแออัดให้มากขึ้น
2.ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่าวัคซีนสามารถลดความรุนแรงของโรคได้ ถ้าเทียบกับที่ผ่านมาความเชื่อมั่นค่อนข้างน้อย ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลของเรา
3.ความกังวลถึงอาการไม่พึงประสงค์หลักได้รับวัคซีน จากเดิมกังวลค่อนข้างมาก ลดเหลือ 27.5% สอดคล้องกับที่ฉีดไปกว่า 26 ล้านโดสแล้ว และยังไม่มีรายใดเลยที่เสียชีวิตที่เกิดจากการฉีดวัคซีน ผ่านการพิสูจน์ข้อมูลจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ และที่สำคัญประชาชนยังมีความต้องการฉีดวัคซีน และเน้นย้ำในพื้นที่ชุมชนของกรุงเทพฯมากขึ้น