เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่บริเวณโถง ชั้น 1 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สะพานขาว กรุงเทพฯ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พม. กล่าวภายหลังเป็นประธานมอบเงินช่วยเหลือเยียวยา ด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรม แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ปี 2556-2557 (ชีวิตและร่างกาย) ครั้งที่ 2 ว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2558 เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรมแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ปี 2556 – 2557 (ชีวิตและร่างกาย) ซึ่งกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) ได้เปิดรับคำร้องจากผู้ได้รับผลกระทบทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ ถึง 17 มีนาคม 2559 มีจำนวนผู้ยื่นคำร้อง จำนวนทั้งสิ้น 820 คน โดย พส.ได้ดำเนินการมอบเงินเยียวยา ครั้งที่ 1 ไปเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม จำนวน 125 คนนั้น
รมว.พม.กล่าวอีกว่า วันนี้ พส.ได้ดำเนินการมอบเงินเยียวยา ครั้งที่ 2 จำนวน 176 คน แบ่งเป็นเงินเยียวยากรณีเสียชีวิต จำนวน 2 คน ทุพพลภาพ จำนวน 4 คน บาดเจ็บสาหัส จำนวน 77 คน บาดเจ็บ จำนวน 36 คน บาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 57 คน รวมเป็นทั้งสิ้น 11 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวที่ยังไม่ได้มาแสดงความจำนงรับเงินเยียวยา สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองคุ้มครองสวัสดิภาพและเสริมสร้างคุณภาพชีวิต กรมพส. ที่ 0-2659-6536 หรือศูนย์ช่วยเหลือสังคม OSCC โทร 1300 และที่เว็บไซต์ www.dsdw.go.th
ด้าน ร.ต.ต.ธีรเดช เล็กภู่ รอง สว.จร.สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี หนึ่งในผู้รับเงินเยียวยาครั้งที่ 2 ซึ่งสังคมรู้จักในเหตุการณ์ตำรวจเตะระเบิดบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ จนได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ขาซ้าย ได้รับเงินเยียวยา 1 แสนบาท กล่าวว่า ตนได้รับเงินเยียบยากรณีบาดเจ็บสาหัส หากถามว่าเพียงพอหรือไม่กับสิ่งที่สูญเสียไป ตนคิดว่าชีวิตคนประเมินค่าไม่ได้ หลังเกิดเหตุต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 1 ปี 2 เดือน เสียนิ้วเท้าไป 3 นิ้ว ภรรยาต้องออกจากงานมาดูแล แต่รัฐบาลมอบเงินช่วยเหลือก็ถือว่าดีแล้วและแสดงถึงความจริงใจ
“อาการบาดเจ็บตอนนี้ดีขึ้น บาดแผลภายนอกหายแล้ว แต่ที่ขาทั้งสองข้างยังมีน้ำเหลืองซึมออกมาบ้าง ยังวิ่งไม่ได้ นั่งยองไม่ได้ เดินได้ปกติ แต่จะช้า ซึ่งยังต้องทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องงานนั้นไม่ได้ออกปฏิบัติภารกิจภาคสนามแล้ว แต่ทำงานด้านเอกสารอยู่ในสถานีตำรวจ จากเหตุการณ์ครั้งนั้นก็รู้สึกเสียใจ และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก คิดว่ามีปัญหาอะไรควรพูดคุยกันอย่างสันติ อย่าใช้กำลัง ที่เสียหายและบอบช้ำมากคือประเทศไทย” ร.ต.ต.ธีรเดชกล่าว
สำหรับหลักเกณฑ์การช่วยเหลือเยียวยา มีดังนี้ กรณีเสียชีวิตจะได้รับเงินเยียวยารายละ 400,000 บาท, ทุพพลภาพรายละ 200,000 บาท, ทุพพลภาพและต้องฟื้นฟูสมรรถภาพรายละ 200,000 บาท, กรณีบาดเจ็บสาหัส (เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลและนอนเป็นผู้ป่วยในเกิน 20 วัน หรือแพทย์มีความเห็นว่าจะต้องได้รับการรักษาตามปกติเป็นเวลาเกิน 20 วัน) รายละ 100,000 บาท, บาดเจ็บ (เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลและนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เป็นผู้ป่วยในไม่เกิน 2๐ วัน) รายละ 60,000 บาท และบาดเจ็บเล็กน้อย (เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ไม่ใช่ผู้ป่วยใน) รายละ 20,000 บาท
