กรมควบคุมโรค เผยยอดป่วยโควิดเริ่มชะลอตัว คุมได้ระดับหนึ่ง ชี้ไทยฉีดวัคซีน ส.ค. เกินเป้า

ฉีดวีคซีนทั่วไทย 30 ล้านโดส “กรมควบคุมโรค” เผยยอดป่วยโควิดเริ่มชะลอตัว คาดควบคุมสถานการณ์ได้ระดับหนึ่ง

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 28 สิงหาคม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า สถานการณ์โควิด-19 วันนี้หายป่วย 20,535 ราย หายป่วยสะสม 936,893 ราย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17,984 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,128,692 ราย เสียชีวิต 292 คน เสียชีวิตสะสม 10,785 ราย กำลังรักษา 182,357 ราย

ชี้ภาพรวมติดเชื้อทั้งประเทศเริ่มลดลง

แนวโน้มการติดเชื้อภาพรวมในประเทศ ต่างจังหวัด 71 จังหวัด อยู่ที่ 9,994 ราย คิดเป็น 57% กรุงเทพฯปริมณฑลอยู่ที่ 7,659 ราย คิดเป็น 43% จากการติดตามสถานการณ์การติดเชื้อโควิดของประเทศไทย มีแนวโน้มพบผู้ป่วยเริ่มชะลอตัวลง สัญญาณต่างๆ บอกว่าน่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ในระดับหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่ผู้ติดเชื้อจะมีโอกาสมากขึ้น ต้องขอความร่วมมือประชาชนในการปฎิบัติตามมาตรการส่วนบุคคล ร่วมกันไปฉีดวัคซีนให้ครบถ้วน

สำหรับในแต่ละจังหวัด กรุงเทพฯแนวโน้มยังติดเชื้อระดับ 4,000 รายมาเป็นสัปดาห์แล้ว วันนี้ยอดติดเชื้ออยู่ที่ 4,141 ราย ทำให้สถานการณ์ในภาพรวมไม่พุ่งสูงมากแต่ยังมีแนวโน้มต้องระมัดระวัง รวมถึงพื้นที่ปริมณฑลและภาคกลางบางส่วน เช่น สมุทรปราการ ชลบุรี สมุทรสาคร ตัวเลขยังอยู่ในระดับหลัก 1,000 รายต่อวัน ดังนั้นมาตรการต่างๆ ยังคงเข้มงวดต่อเนื่อง

ส่วนต่างจังหวัดมีตัวเลขการติดเชื้อเพิ่มขึ้น 2-3 ส่วน ส่วนแรกเป็นการเดินทางจากพื้นที่ระบาดกลับบ้านและอยู่ในพื้นที่ ไม่ทราบว่าติดเชื้อ หรือกลับไปรักษาตัวที่ต่างจังหวัด ขอให้ผู้อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม ถ้ากลับต่างจังหวัดขอให้แจ้งหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ให้รับทราบ เพื่อจะได้มีการเฝ้าระวังหรือกักตัวตามมาตรการแต่ละพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดในพื้นที่ต่อไป

Advertisement

ทั้งนี้จากการติดตามสถานการณ์ตรวจ ATK เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ผลเป็นบวกทั่วประเทศ 2,553 ราย เป็นการตรวจที่ได้ผลรวดเร็วระดับหนึ่ง จะเป็นแนวโน้มที่เราจะใช้พยากรณ์การระบาดว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะที่กรุงเทพฯมีการระบาดค่อนข้างสูง เดิมพบว่าการตรวจ ATK ในจุดต่างๆ ของกรุงเทพฯ หลายจุดมีแนวโน้มจะพบติดเชื้อค่อนข้างสูงระดับเกิน 10% แต่ระยะหลังเริ่มพบแนวโน้มที่ลดลง เป็นสัญญาณที่ดี แต่ต้องมีมาตรการของหน่วยงานและการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

“จากสถานการณ์แนวโน้มการติดเชื้อเหมือนจะชะลอตัวลง แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีตัวเลขค่อนข้างสูงอยู่ จะต้องมีการติดตาม การดำเนินงานตามมาตรการต่างๆอย่างใกล้ชิด “

ฉีดวัคซีนแล้ว 30 ล้านโดส เร่งฉีดกลุ่มเสี่ยง

นพ.โอภาสกล่าวว่า ผลสรุปการฉีดวัคซีน ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีรายงานการฉีด 915,738 โดส แบ่งเป็นเข็ม 1 จำนวน 547,128 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 361,284 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 7,326 ราย ทำให้ภาพรวมขณะนี้ฉีดวัคซีนไปแล้ว 30,420,507 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 22,617,701 ราย คิดเป็น 31.4% เข็มที่2 จำนวน 7,221,368 ราย คิดเป็น 10% เข็มที่ 3 จำนวน 581,438 ราย

Advertisement

“แนวโน้มการฉีดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และสูงขึ้นในเดือนสิงหาคม เนื่องจากมีวัคซีนเข้ามามากขึ้น ถ้าจำได้แผนการฉีดวัคซีนของเราเริ่มต้นเมื่อเดือนมิถุนายน-สิงหาคม มีเป้าหมายฉีดให้ได้เดือนละ 10 ล้านโดส ถือว่าสิงหาคมทำได้เกินเป้าหมาย แต่ยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการฉีดวีคซีน ต้องเร่งนำวัคซีนเข้ามาและเร่งรัดการฉีดต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่มีป่วยแล้วจะมีอาการรุนแรง”

สำหรับในกลุ่มที่ฉีดวัคซีน ที่ให้ความสำคัญตอนนี้คือกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป พบว่าเมื่อติดเชื้ออาการจะรุนแรงและเสียชีวิต ค่อนข้างสูง กับกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ขณะนี้มีการฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้วประมาณ 40% ของเป้าหมาย

อีกกลุ่มที่ให้ความสำคัญค่อนข้างมากในระยะต่อไปคือหญิงตั้งครรภ์ เพราะว่ามีการติดเชื้อเสียชีวิตทุกวัน จะต้องเร่งรัดการฉีดในกลุ่มนี้และขอเชิญชวนให้รับการฉีดวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลฝากท้อง

ยันยังไม่พบผู้เสียชีวิตจากฉีดวัคซีน

“ขอยืนยันว่าตอนนี้เราฉีดวัคซีนไปกว่า 30 กว่าล้านโดสแล้ว ยังไม่มีรายใดที่เสียชีวิตจากวีคซีนโดยตรง จากการประเมินการตรวจข้อมูล การชันสูตรศพรายที่เสียชีวิตของผู้เชี่ยวชาญ เพราะฉะนั้นวัคซีนมีความปลอดภัย ข้อมูลต่างๆตรงกันวัคซีนมีความปลอดภัยสูง ได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ขององค์การอนามัยโลก ขอให้กลุ่มเสี่ยงไปรับวัคซีนตามที่กำหนดนัดหมาย”

ยังต้องเฝ้าระวังเชื้อกลายพันธุ์เดลต้า

นพ.โอภาสกล่าย้ำว่า แม้สถานการณ์การติดเชื้อเริ่มชะลอตัว แต่เนื่องจากเชื้อโควิดมีการกลายพันธุ์ หลายประเทศที่เคยควบคุมได้ดี ไม่ว่าสหรัฐอเมริกา อิสราเอล นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย เวียดนาม ล้วนเจอกับสายพันธุ์เดลต้าทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ฉะนั้นในภายภาคหน้าอาจจะมีสิ่งที่เราไม่รู้หรืออุปสรรค มีเชื้อกลายพันธุ์เกิดขึ้น ถ้าทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันฟันฝ่าตรงนี้ไป จะสามารถดำรงชีวิตได้ใกล้เคียงหรือเป็นปกติให้มากที่สุดในอนาคตอันใกล้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image