ถึงคิวคนชอบน้ำพริกต้องระวัง! กรมวิทย์พบวัตถุกันเสีย เชื้อก่ออาหารเป็นพิษ

เมื่อวันที่ 20 กันยายน นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า สำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 14 แห่ง ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เก็บตัวอย่างน้ำพริกพร้อมบริโภค เช่น น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกกะปิ น้ำพริกขี้กา น้ำพริกเผา น้ำพริกปลาร้าสับ น้ำพริกตาแดง น้ำพริกนรก แจ่วบอง เป็นต้น ที่จำหน่ายตามตลาดสด ตลาดนัด ศูนย์โอท็อป ศูนย์ของฝากทั่วประเทศ เพื่อตรวจเฝ้าระวังคุณภาพและความปลอดภัยน้ำพริกพร้อมบริโภคของประเทศไทย ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2555-2558 รวมทั้งสิ้น 1,071 ตัวอย่าง พบว่าไม่ผ่านมาตรฐาน 164 ตัวอย่าง หรือคิดเป็นร้อยละ 15 เป็นน้ำพริกพร้อมบริโภคแบบเปียก 346 ตัวอย่าง ไม่ผ่านมาตรฐาน 84 ตัวอย่าง หรือคิดเป็นร้อยละ 24 และน้ำพริกแบบแห้ง 725 ตัวอย่าง ไม่ผ่านมาตรฐาน 80 ตัวอย่าง หรือคิดเป็นร้อยละ 11

นพ.อภิชัยกล่าวอีกว่า สาเหตุที่ไม่ผ่านมาตรฐานด้านเคมี พบการใช้วัตถุกันเสียเกินปริมาณที่อนุญาต ร้อยละ 11 ชนิดของวัตถุกันเสียที่พบมากสุด ได้แก่ กรดเบนโซอิก โดยปริมาณที่พบในน้ำพริกแบบแห้ง 1,089-6,872 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (มก./กก.) และน้ำพริกแบบเปียก 1,005-14,004 มก./กก. ข้อกำหนดอ้างอิงตามมาตรฐานโคเด็กซ์ (CODEX) ไม่เกิน 1,000 มก./กก. ขณะที่ด้านจุลชีววิทยา พบการปนเปื้อนจุลินทรีย์และเชื้อโรคอาหารเป็นพิษเกินเกณฑ์มาตรฐานร้อยละ 4.7 พบมากที่สุดในน้ำพริกแบบแห้ง พบจำนวนจุลินทรีย์รวม ร้อยละ 2.9 เชื้อโรคอาหารเป็นพิษ เช่น เชื้อบาซิลลัส ซีเรียส (Bacillus cereus) และเชื้อคลอสตริเดียม เพอร์ฟิงเจน (Clostridium perfringens) ร้อยละ 1.2 น้ำพริกแบบเปียก พบจำนวนจุลินทรีย์รวม ร้อยละ 1.4 เชื้อโรคอาหารเป็นพิษ ร้อยละ 1.4 จากผลตรวจที่ได้ พบว่า น้ำพริกแบบเปียกพบการใช้วัตถุกันเสียเกินเกณฑ์มาตรฐาน ร้อยละ 29.7 มากกว่าน้ำพริกแบบแห้งที่ตรวจพบร้อยละ 12

“น้ำพริกแบบแห้งมีการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ ร้อยละ 2.9 มากกว่าน้ำพริกแบบเปียก ร้อยละ 1.4 เชื้อโรคอาหารเป็นพิษ น้ำพริกทั้ง 2 แบบมีโอกาสตรวจพบเชื้อบาซิลลัส ซีเรียส และเชื้อคลอสตริเดียม เพอร์ฟิงเจน ร้อยละ 14 เท่ากัน สำหรับเชื้อสเเตปฟิโลคอกคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) และเชื้อซาลโมเนลล่า (Salmonella spp.) ตรวจไม่พบทุกตัวอย่าง” นพ.อภิชัยกล่าว และว่า น้ำพริกพร้อมบริโภคมีคุณภาพไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานกำหนด ส่วนใหญ่พบการใช้วัตถุกันเสีย ทั้งกรดเบนโซอิกและกรดซอร์บิกเกินกว่าค่ามาตรฐานกำหนด แต่เมื่อนำมาประเมินความเสี่ยงกรดเบนโซอิกและกรดซอร์บิก จากการบริโภคน้ำพริกคลุกข้าว โดยอ้างอิงจากข้อมูลการบริโภคอาหารของประเทศไทย พบว่า ปริมาณการได้รับสัมผัสยังอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ แต่ก็ต้องมีการตรวจเฝ้าระวังเป็นประจำ

นพ.อภิชัยกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังพบการปนเปื้อนจุลินทรีย์เกินเกณฑ์ ยีสต์และรา และจุลินทรีย์ก่อโรคอาหารเป็นพิษ สำหรับจุลินทรีย์ก่อโรคอาหารเป็นพิษที่พบว่าเป็นปัญหา ได้แก่ เชื้อบาซิลลัส ซีเรียส และเชื้อคลอสตริเดียม เพอร์ฟิงเจน ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่สร้างสปอร์ พบในดินและฝุ่น จึงมักติดปนมากับวัตถุดิบ เช่น พริก เครื่องเทศ และสมุนไพร สปอร์ของเชื้อเหล่านี้ถูกทำลายได้ยากภายใต้กระบวนการผลิตน้ำพริกที่ใช้ความร้อนไม่สูงนัก นอกจากนี้ยังพบว่า เขตสุขภาพที่พบว่าน้ำพริกพร้อมบริโภคไม่ผ่านมาตรฐานมากที่สุด 2 อันดับแรก ได้แก่ เขตสุขภาพที่ 1 จ.เชียงใหม่ เชียงราย รองลงมาคือ เขตสุขภาพที่ 9 จ.นครราชสีมา และส่วนใหญ่มาจากผลิตภัณฑ์ชุมชน

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image