ร.ร.กทม. 437 แห่ง เข้ม 15 ข้อ แซนด์บ็อกซ์ เซฟตี้ โซน อิน สคูล

ร.ร.กทม. 437 แห่ง เข้ม 15 ข้อ แซนด์บ็อกซ์ เซฟตี้ โซน อิน สคูล

วันที่ 16 กันยายน 2564 นายเกรียงไกร จงเจริญ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงกรณีกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) หารือร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กำหนดแนวทางดำเนินมาตรการแซนด์บ็อกซ์ เซฟตี้ โซน อิน สคูล (Sandbox Safety zone in School) ในโรงเรียนแบบไป-กลับ ทุกสังกัด ว่า ในส่วนของ กทม.ได้เตรียมความพร้อมการดำเนินมาตรการแซนด์บ็อกซ์ เซฟตี้ โซน อิน สคูล โรงเรียนในสังกัด กทม.ทั้ง 437 แห่ง เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ในสถานศึกษาตามแนวทางปฏิบัติที่ ศบค.และ สธ.กำหนด โดยนำมาตรการแซนด์บ็อกซ์ เซฟตี้ โซน อิน สคูล มาปรับใช้ เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ในสถานศึกษา ประกอบด้วย

1) การทำแบบประเมินตนเองสำหรับสถานศึกษาของกรมอนามัย สธ. ในการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ที่เว็บไซต์ https://stopcovid.anamai.moph.go.th/th/school/

2) นักเรียน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร ประเมินความเสี่ยงของตนเองอย่างสม่ำเสมอ ผ่าน Thai Save Thai (TST)

3) ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครอบคลุมมากกว่าร้อยละ 85

Advertisement

4) ผู้บริหารสถานศึกษาพิจารณาวางแผนการประเมินตนเองของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร ตลอดจนบุคลากรของโรงเรียน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องที่ปฏิบัติงานในโรงเรียน ให้เฝ้าระวังตนเองไม่น้อยกว่า 14 วัน ก่อนกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในโรงเรียน

5) เน้นให้นักเรียนได้เรียนในที่โล่ง งดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มของนักเรียน หรือหากมีการรวมกลุ่มให้รักษาระยะห่างระหว่างบุคคลและใช้เวลาน้อยที่สุด

6) จำกัดจำนวนผู้ปกครองและบุคคลที่จะเข้าภายในบริเวณโรงเรียนเพื่อลดความแออัด กรณีที่ผู้ปกครองมารับบุตรหลานที่โรงเรียน ต้องจัดพื้นที่พักคอยสำหรับผู้ปกครองบริเวณหน้าโรงเรียน

Advertisement

7) ตรวจคัดกรองอุณหภูมิร่างกายนักเรียน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร บุคลากรของโรงเรียน และผู้มาติดต่อราชการทุกคน โดยเฉพาะนักเรียนให้ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย 3 ครั้ง/วัน คือ ก่อนเข้าโรงเรียน ก่อนรับประทานอาหารกลางวัน และก่อนเดินทางกลับบ้าน พร้อมทั้งประสานผู้ปกครองให้ตรวจคัดกรองบุตรหลานก่อนมาโรงเรียน หากพบมีไข้ ไอ จาม หรืออาการอื่นใด ให้นักเรียนหยุดเรียน เพื่อสังเกตอาการที่บ้าน หรือพบแพทย์ และให้โรงเรียนขอความร่วมมือผู้ปกครองแจ้งข้อมูลการเจ็บป่วยของนักเรียนให้โรงเรียนทราบด้วย

8) ให้นักเรียน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร บุคลากรของโรงเรียน ผู้ปกครอง และผู้มาติดต่อราชการ สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา

9) ให้เว้นระยะห่างในห้องเรียน ระหว่างทางเดิน หรือในขณะทำกิจกรรมในโรงเรียน การย้ายห้องเรียน การเหลื่อมเวลาเรียน หรือเวลาพักรับประทานอาหาร

10) ให้มีที่ล้างมือด้วยสบู่และน้ำ เจลแอลกอฮอล์

11) ทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสต่าง ๆ ที่ใช้ร่วมกัน อาทิ สนามเด็กเล่น ห้องน้ำ ลูกบิดประตู ตลอดจนอาคารสถานที่และบริเวณโรงเรียนโดยสม่ำเสมอ

12) ขอความร่วมมือผู้ค้าบริเวณหน้าโรงเรียน กำหนดพื้นที่ขายโดยเว้นระยะห่างจากหน้าโรงเรียนไม่น้อยกว่า 500 เมตร จัดเตรียมอาหารปรุงสุกใหม่ หากมีอาการเข้าข่ายติดเชื้อให้ผู้ค้าหยุดขาย และรีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมทั้งปฏิบัติตนตามหลักสุขอนามัยและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด

13) ให้โรงเรียนสื่อสารทำความเข้าใจและให้คำแนะนำผู้ปกครองติดตามข้อมูลข่าวสารการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการพาบุตรหลานไปในสถานที่ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ

14) กรณีโรงเรียนพบนักเรียนที่สงสัยติดเชื้อโควิด-19 ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค PUI ให้แยกเด็กออกมาจากผู้อื่น แจ้งผู้ปกครอง และแจ้งสายด่วนสุขภาพ 1646 ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ หรือแจ้งศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อประเมินสถานการณ์ตามเกณฑ์สอบสวนโรค

และ 15) นักเรียน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานครทุกคน ต้องตรวจคัดกรอง Antigen Test Kit (ATK) ก่อนเข้าโรงเรียน และมีการสุ่มตรวจเฝ้าระวังทุก 14 วัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image