ยกฟ้องคดีเผาบ้านกะเหรี่ยงบางกลอย ‘ชัยวัฒน์’ ไม่ผิด ศาลสั่งอุทยานฯ จ่ายค่าเสียหาย 1 หมื่น

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ศาลปกครองกลางได้พิจารณาคดี นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี นำเจ้าหน้าที่เผาบ้านกะเหรี่ยงและยุ้งฉางข้าว ของชาวกะเหรี่ยง บ้านโป่งลึก-บางกลอย ที่อยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เมื่อปี 2554 จนนำไปสู่การฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ถึงการละเมิดสิทธิทำให้ต้องสูญเสียที่อยู่อาศัย ทรัพย์สิน พื้นที่ทำกิน โดยศาลปกครองกลางได้ให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จ่ายค่าชดเชยค่าเสียหายรวม 10,000 บาท แบ่งเป็นอุปกรณ์ครัว 5,000 บาท และค่าทรัพย์สินส่วนตัวอีก 5,000 บาท ส่วนข้อกล่าวหาอื่นให้ยกฟ้อง และให้กรมอุทยานจ่ายค่าเสียหายภายใน 30 วัน

ด้านนายธนู เอกโชติ ทนายความของผู้ฟ้องคดี กล่าวว่า หลังจากนี้ คงต้องไปหารือกับคณะทำงานว่าจะมีการอุทธรณ์คำพิพากษาหรือไม่ ซึ่งทีมทนายความของสภาทนายความยังเห็นแย้งในกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างเรื่องพื้นที่พิพาทที่ศาลปกครองเห็นว่าเป็นพื้นที่บุกรุกใหม่ ซึ่งทีมทนายความเห็นว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่เดิมที่ชาวกะเหรี่ยงอาศัย และนายน่อแอะไม่ได้รับการจัดสรรที่ดินใหม่ รวมทั้งกรณีค่าเสียหายซึ่งจากเดิมได้ฟ้องจำนวนกว่า 1,000,000 บาทซึ่งในจำนวนนี้เป็นเรื่องของวิถีชีวิต ทรัพย์สิน บ้าน และการละเมิดสิทธิของความเป็นคน

ขณะที่นายชัยวัฒน์ ให้สัมภาษณ์งว่า คำพิพากษาที่ออกมาจะเห็นว่านายน่อแอะ มีที่ทำกินที่ชัดเจน ซึ้่งการกล่าวหาเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เป็นการกล่าวอ้างที่ผู้ฟ้องคดีไม่เคยเห็นพื้นที่จริง ที่ผ่านมาตนถูกกล่าวหา และในวันนี้ทำให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติโดยชอบตามกฎหมาย มีการเจรจา และไม่มีพื้นที่เดิมที่อาศัยในป่า อย่างไรก็ตาม เรื่องค่าสินไหมที่ศาลฯ สั่งให้จ่ายแก่ผู้ฟ้องคดีนั้น ตนคงต้องอุทธรณ์ตามระเบียบต่อไป

“สิ่งที่ผมอยากจะขอความเมตตาให้ศาลพิจารณาคือ ประเด็นของภาพถ่าย ที่ผู้ฟ้องร้องนำมาเป็นหลักฐาน ว่าเป็นภาพที่ทางเจ้าหน้าที่เข้าไปเผาทำลายทรัพย์สิน โดยอ้างว่า กลุ่มผู้ฟ้องร้องที่ประกอบด้วย สภาทนายความ และทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ได้ลงพื้นที่ไปถ่ายภาพทั้งหมดมาเป็นหลักฐานเอง โดยอ้างว่า เดินทางไปดูพื้นที่ด้วยตัวเองใช้เวลาทั้งหมด 3 วัน คือ ขาไป 1 วัน ไปค้างในพื้นที่ 1 วัน และเดินกลับออกมาอีก 1 วัน ซึ่งเราได้แย้งไปว่า ไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีทางทำเช่นนั้นได้เลย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเดินทางลำบากมาก หากเดินเท้าจริงตามคำกล่าวอ้างต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 8 วัน คือ เดินไป 4 วัน เดินกลับอีก 4 วัน และขากลับแต่ละคนต้องไม่มีสภาพปกติแน่ ประเด็นที่ผมจะขอความเป็นธรรมคือกรณีนี้”นายชัยวัฒน์ กล่าว

Advertisement

ทั้งนี้ มีรายงานว่าคดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป โดยป.ป.ท.ได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้เรียบร้อยแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image