ศบค.เผยวันนี้โควิดคร่า 39 ชีวิต ส่วนใหญ่ผู้สูงอายุ-ได้วัคซีนไม่ครบ 2 โดส ห่วงคลัสเตอร์ทอดกฐิน

ศบค.เผย ยอดติดเชื้อโควิดป่วยเพิ่ม 7,592 ราย สะสม 1.94 ล้าน ชี้ผู้เสียชีวิตเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ-โรคเรื้อรัง ได้วัคซีนไม่ครบ 2 โดส พบคลัสเตอร์ร่วมงานทอดกฐินหลายจังหวัด เน้นย้ำเคร่งครัดมาตรการป้องกันตนเอง ระบุเปิดประเทศยอดคนเข้า 2.2 หมื่นราย พบติดเชื้อ 20 ราย เตรียมหาแนวทางลดอุปสรรคเข้าไทย

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิดประจำวันว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,592 ราย จำแนกเป็น ผู้ติดเชื้อทั่วไปในประเทศ 6,871 ราย ติดเชื้อจากผู้เดินทางต่างประเทศ 10 ราย และติดเชื้อในเรือนจำ/ที่ต้องขังเพิ่ม 711 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,946,728 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 63 รวม 1,975,591 ราย หายป่วยเพิ่มวันนี้ 7,495 ราย หายป่วยสะสม 1,830,037 ราย หายป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 63 รวม 1,857,463 ราย วันนี้มีผู้เสียชีวิต 39 คน เสียชีวิตสะสม 19,609 คน เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 63 รวม 19,703 คน ส่วนผู้ป่วยรักษาอยู่ 98,425 ราย แบ่งเป็นรักษาในโรงพยาบาล 42,193 ราย โรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 56,232 ราย อาการหนัก 1,997 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 441 ราย

พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า สำหรับตัวเลขการติดเชื้อรายใหม่ ผู้ป่วยอาการหนัก และผู้เสียชีวิต มีทิศทางที่ลดลง และแม้จะมีการผ่อนคลาย กิจการ กิจกรรมมากขึ้น แต่ต้องขอร่วมมือจากภาครัฐเข้มงวดมาตรการต่างๆ รวมทั้งผู้ประกอบกิจการและประชาชน ส่วนผลการรายงานการตรวจ Antigen test kit หรือ ATK ต่ำกว่า 10% ซึ่งการตรวจจะมีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ ส่วนการรายงานผู้เสียชีวิต วันนี้ 90% ของผู้เสียชีวิต อยู่ในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมทั้งผู้มีโรคประจำตัว และกลุ่มผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนยังไม่ครบ 2 โดส ขณะที่การแบ่งพื้นที่ชายแดนใต้ กรุงเทพมหานครปริมณฑล และจังหวัดอื่นๆจะเห็นทุกสีในเส้นกราฟลดลง ทำให้เห็นว่าการควบคุมการแพร่ระบาดใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ทิศทางลดลง แต่ถ้าเทียบกับระดับรวมทั้งประเทศยังคงเป็น 21%

พญ.อภิสมัยกล่าวต่ออีกว่า สำหรับรายงาน 10 อันดับจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศรายใหม่สูงสุด คือ 1.กรุงเทพมหานคร 865 ราย 2.สงขลา 462 ราย 3.เชียงใหม่ 429 ราย 4.ปัตตานี 406 ราย 5.นครศรีธรรมราช 372 ราย 6.นราธิวาส 295 ราย 7.ยะลา 266 ราย 8.สมุทรปราการ 219 ราย 9.ชลบุรี 179 ราย และ 10.สุราษฎร์ธานี 179 ราย ทั้งนี้ จะเห็นว่า จ.เชียงใหม่ และจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงติดอันดับ ส่วน จ.สมุทรปราการ ลงมาอยู่ที่อันดับ 8 แม้ตัวเลขจะเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน แต่ตัวเลขก็ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับกรุงเทพมหานครซึ่งลดลง แต่ที่ประชุมของกระทรวงสาธารณสุขยังคงจับตาอย่างใกล้ชิด

Advertisement

พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า ส่วนรายงานคลัสเตอร์ตามพื้นที่ต่างๆ นั้น ที่ประชุม ศปก.ศบค. มีความเป็นห่วงและเน้นย้ำตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ การทอดกฐิน โดยวันนี้มีด้วยกันหลายจังหวัด ประกอบด้วย จ.ยโสธร จ.ร้อยเอ็ด จ.ขอนแก่น ศรีสะเกษ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.สิงห์บุรี จ.กาญจนบุรี จ.สตูล รวมทั้ง คลัสเตอร์งานศพ ซึ่งพบรายงานที่ จ.กาฬสินธุ์ จ. กาญจนบุรี จ.พัทลุง จ. สงขลา อย่างไรก็ตาม ตลอดเดือนนี้แต่ยังคงมีการทอดกฐินอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ขอเน้นย้ำและขอความร่วมมือจังหวัด สถานที่จัดงาน วัด และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่และเดินทางข้ามพื้นที่ ขอให้ระมัดระวังมาตรการป้องกันตนเองขั้นสูงสุด และปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขในวัดอย่างเข้มงวด รวมทั้งการเดินทางด้วย เนื่องจากหลายคนใช้รถบัสเป็นรถโดยสารในการเดินทาง ทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้

“ส่วนกรุงเทพมหานครวันนี้ยังคงมีการรายงานที่แคมป์ก่อสร้าง รวมทั้งที่แคมป์ก่อสร้าง จ.เชียงใหม่ จ.ขอนแก่น จ.นครนายก จ.จันทบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.สงขลา ส่วนโรงงาน สถานประกอบการ พบรายงานที่ จ.ขอนแก่น จ.สมุทรปราการ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.เพชรบุรี จ.พัทลุง ส่วน จ.เชียงใหม่ ยังคงมีการรายงานในพื้นที่ตลาดเหมือนสองสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยวันนี้พบคลัตเตอร์ตลาดอีก 65 ราย รวมทั้งตลาดใน จ.สุรินทร์ จ.อุดรธานี จ.พิษณุโลก จ.จันทบุรี จ.ชลบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.เพชรบุรี จ.ราชบุรี และ จ.สงขลา อย่างไรก็ตาม แม้ว่าช่วงนี้มาตรการผ่อนคลายจะลงมาก แต่การเฝ้าระวังการติดเชื้อ การแพร่ระบาดในครอบครัวและชุมชน ทางกรมควบคุมโรค ได้เน้นย้ำอย่างต่อเนื่อง” พญ.อภิสมัยกล่าว

Advertisement

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ส่วนทิศทางการคาดการณ์การติดเชื้อภายหลังการเปิดประเทศ จะเห็นว่าฉากทัศน์สีเขียวคือกรณีที่เราร่วมมือกันเข้มงวดมาตรการให้ได้ทั้งภาครัฐ ผู้ประกอบการ และประชาชน จะเห็นการติดเชื้อที่ลดลง แสดงฉากทัศน์เป็นสีเขียว ส่วนสีน้ำเงินเข้ม ภาพของปัจจุบัน แม้เปิดประเทศแล้วจะเห็นว่าเราประคับประคองภายใต้เส้นสีเขียว อยากให้เห็นทิศทางแบบนี้ต่อไป แต่ฉากทัศน์เส้นสีดำที่พุ่งขึ้น คือกรณีที่ย่อหย่อนต่อมาตรการ ไม่ระมัดระวัง อาจทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อขยับขึ้นมาหลายหมื่นคนอีกได้

พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าการฉีดวัคซีน เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน มีการฉีดวัคซีน 278,059 โดส ทำให้ยอดรวมตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ รวม 80,499,612 โดส จำนวนผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 สะสม 43,990,610 ราย คิดเป็น 61.1% และเข็มที่ 2 สะสม 33,912,537 ราย คิดเป็น 47.1% เข็มที่ 3 สะสม 2,596,465 ราย คิดเป็น 3.6% ทั้งนี้ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ได้รับวัคซีนเข็ม 3 จำนวน 93% กลุ่มผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ได้รับวัคซีนเข็ม 1 จำนวน 70.2% กลุ่มผู้สูงอายุ ได้รับวัคซีนเข็ม 1 จำนวน 65.7% ซึ่งเป็นทิศทางที่เป็นไปตามแผน ซึ่งมีการครอบคลุมวัคซีนในกลุ่มเสี่ยงหลัก โดยกรุงเทพฯ ถือได้ว่ามีการฉีดวัคซีนครอบคลุมสูง ได้รับวัคซีนเข็ม 2 คิดเป็น 87.5% ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุ ได้รับวัคซีนเข็ม 1 คิดเป็น 81.4%

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ส่วน จ.สมุทรปราการ ตัวเลขวัคซีนครอบคลุม 76.4 % ครอบคลุมผู้สูงอายุ 92.7% ดังนั้น น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ กทม.และจ.สมุทรปราการ ยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตลดลง ขอเน้นย้ำว่าจังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนไม่ครอบคลุม ขอให้เร่งฉีดวัคซีน โดยจะเน้นย้ำจังหวัดนำร่องท่องเที่ยวพื้นที่สีฟ้า ซึ่งตอนนี้มีหนองคายที่การครอบคลุมวัคซีนไม่ถึง 50% รวมทั้งจังหวัดที่เพิ่งถึง 50% คือ จ.อุดรธานี และ จ.เลย ทั้งนี้ ขอให้จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวพื้นที่สีฟ้าที่ฉีดวัคซีนเกินเป้าหมาย เร่งระดมฉีดวัคซีนต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนปลอดภัย และป้องกันการเสียชีวิต

“จังหวัดที่มีอัตราการฉีดวัคซีนน้อย อาทิ จ.หนองบัวลำภู จ.นครพนม จ.แม่ฮ่องสอน จ.สกลนคร โดยกลุ่มนี้แม้เข็ม 1 จะค่อนข้างน้อย แต่ก็เป็นการเทให้กับผู้สูงอายุ รวมทั้งผู้มีโรคประจำตัว เมื่อมีวัคซีนเพียงพอ มีระบบที่มีความพร้อมมากขึ้น ขอให้กระจายประชาชนโดยเร็วที่สุด เช่น ระดมฉีดครู บุคลากรสถานศึกษา พนักงานขับรถ ผู้ที่อยู่ในกระบวนการขนส่งสาธารณะ สถานประกอบการและบริการ ขอให้จังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม และความต้องการของพื้นที่” พญ.อภิสมัยกล่าว

พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า ส่วนผลการดำเนินงานรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร ระหว่าง 1-7 พฤศจิกายน รวม 22,832 ราย สัญชาติที่เข้ามาสูงสุด เยอรมนี สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รัสเซีย เป็นต้น และจากหลายประเทศ โดยเป็นผู้ที่เข้าเกณฑ์ไม่ต้องกักตัวจำนวน 14,278 ราย เข้าระบบ Sandbox 7,483 ราย และเข้ากักตัว 1,071 ราย พบติดเชื้อทั้งหมด 20 ราย คิดเป็น 0.9% ทั้งนี้ การเดินเข้าประเทศผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเข้ามาในราชอาณาจักร (13 ) เป็นการเข้าประเทศแบบไม่กักตัวและไม่จำกัดพื้นที่ เป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตเข้าประเทศเพื่อประโยชน์ ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล

“เป็นการเปิดภายใต้สถานการณ์การแพร์ระบาดยังคงมีอยู่ ความเสี่ยงแต่ยังคงมีอยู่แม้ว่าอยู่ในภาวะที่ระบบสาธารณสุขปัจจุบันรองรับได้ แต่ต้องเน้นย้ำให้ภาครัฐ ผู้ประกอบการ ต้องระมัดระวัง เฝ้าระวังอย่างเข็มงวด และขอความร่วมมือจากประชาชนด้วย” พญ.อภิสมัยกล่าว

อย่างไรก็ตาม สำหรับ การเดินทางเข้าประเทศ ที่ประชุม ศปก.ศบค.ได้วิดีโอคอลกับหลายจังหวัด รับฟังการสรุปรายงานการเปิดประเทศ ซึ่งคงต้องเน้นย้ำว่าวันนี้ ผอ.ศปก.ศบค.จะมีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดูแลโรงพยาบาลคู่ปฎิบัติงาน ซึ่งเมื่อชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทยต้องได้รับการตรวจแบบ RT-PCR มีข้อเสนอแนะว่ากระบวนการทำงานอาจจะล่าช้า การประชุมก็จะลงในรายละเอียดต่างๆ เพื่อจะได้หามาตรการการเดินทางเข้าประเทศราบรื่นและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีความเป็นห่วงเทศกาล ประเพณี ขอให้ทุกพื้นที่จัดงานเข้มงวดมาตรการป้องกันโควิดด้วย

เมื่อถามว่า กรณีผลตรวจ ATK ที่ให้ผลบวกลวงของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ศบค.มีแนวทางแก้ไขอย่างไร พญ.อภิสมัยกล่าวว่า การเปิดเรียน ผู้ปกครองมีความเป็นห่วงและกังวล บางรายยังไม่มั่นใจให้ลูกหลานไปเรียนเพื่อเรียนออนไซต์ การประกาศของ ศบค.ก็มีการระบุว่าจะเปิดอย่างไร เปิดแค่ไหน การตรวจ ATK อย่างไรหรือวิธีใด ขอให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแต่ละพื้นที่

“สิ่งสำคัญได้เน้นย้ำให้โรงเรียนเตรียมความพร้อมก่อนการเปิดเรียน โดยครูและบุคลากรต้องได้รับวัคซีนครอบคลุม และสถานศึกษาต้องประเมินความพร้อม Thai Stop Covid+ (TSC) ระบบอาหารต้องแยกตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข และขอให้แต่ละโรงเรียนขอให้ทบทวนแผนเผชิญเหตุกรณีพบรายงานนักเรียนติดเชื้อ เป็นต้น” พญ.อภิสมัยกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image