กทม. ตรวจความปลอดภัย ท่าเรือ-โป๊ะ เตรียมความพร้อมลอยกระทง

กทม.เข้มความปลอดภัยโป๊ะ-ท่าเรือ เปิดคนกรุงลอยกระทง

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นำคณะไปตรวจสอบความปลอดภัยท่าเทียบเรือและโป๊ะ (ทางน้ำ) ที่จัดให้ประชาชนสามารถลอยกระทงในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 6 ท่า ได้แก่ ท่าเรือท่าช้าง เขตพระนคร ท่าเรือสะพานพระพุทธยอดฟ้า เขตพระนคร ท่าเรือวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เขตบางกอกใหญ่ ท่าเรือวังหลัง (ฝั่งธนบุรี) เขตบางกอกน้อย ท่าเรือสะพานพระปิ่นเกล้า (ฝั่งธนบุรี) เขตบางกอกน้อย และท่าเรือสะพานพระราม 8 เขตบางพลัด

นายสกลธี กล่าวว่า กทม.มีความห่วงใยความปลอดภัยของประชาชนในช่วงเทศกาลงานลอยกระทง ประจำปี 2564 จึงสำรวจโป๊ะและท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองต่างๆ เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน โดยริมแม่น้ำเจ้าพระยามีโป๊ะและท่าเรือ 260 ท่า มีสภาพปกติสามารถใช้ได้ 230 ท่า แบ่งเป็น ท่าเรือเอกชน 169 ท่า ท่าเรือสาธารณะ 59 ท่า ไม่มีเจ้าของ 2 ท่า มีท่าเรือชำรุดต้องปรับปรุงซ่อมแซม 30 ท่า แบ่งเป็นท่าเรือเอกชน 24 ท่า ท่าเรือสาธารณะ 6 ท่า

“สำหรับโป๊ะและท่าเรือที่มีสภาพปกติสามารถใช้ได้ กทม.ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจและเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอยู่ประจำทุกจุด เพื่อดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน พร้อมทั้งขอความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด รวมทั้งติดตั้งป้ายแสดงจำนวนคนที่โป๊ะและท่าเรือสามารถรองรับได้สูงสุดอย่างชัดเจนเพื่อแจ้งเตือนประชาชน โดยขอความร่วมมือประชาชนลงโป๊ะหรือท่าเรือน้อยกว่าจำนวนที่กำหนด ร้อยละ 25 เพื่อความไม่ประมาทและความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง พร้อมทั้งสั่งการให้เรือตรวจการณ์ของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักเทศกิจ และสำนักการแพทย์ ร่วมตรวจการณ์ในวันงานเพื่อดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนตลอดแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่สะพานพระราม 7 ถึงสะพานพระราม 9 รวมระยะทาง 20.4 กิโลเมตร แบ่งเป็น 3 ช่วง ดังนี้

Advertisement

ช่วงที่ 1 ตั้งแต่สะพานพระราม 7 ถึงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ประกอบด้วย เรือดับเพลิง 38 ฟุต จำนวน 1 ลำ เรือเจ็ทสกี จำนวน 2 ลำ เรือตรวจการณ์ 1 ลำ เรือกู้ชีพ รพ.วชิระ จำนวน 1 ลำ เจ้าหน้าที่และอุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ ช่วงที่ 2 ตั้งแต่สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ถึงสะพานตากสิน (สะพานสาทร) ประกอบด้วยเรือดับเพลิง 38 ฟุต จำนวน 2 ลำ เรือตรวจการณ์ 1 ลำ เรือกู้ชีพ รพ.ตากสิน จำนวน 1 ลำ เจ้าหน้าที่และอุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ และช่วงที่ 3 ตั้งแต่สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (สะพานสาทร) ถึง สะพานพระราม 9 ประกอบด้วย เรือดับเพลิง 38 ฟุต จำนวน 2 ลำ เรือตรวจการณ์ 1 ลำ เรือกู้ชีพ รพ.เจริญกรุง จำนวน 1 ลำ เจ้าหน้าที่และอุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ” นายสกลธี กล่าว

รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ส่วนโป๊ะและท่าเรือที่มีสภาพชำรุด กทม.ได้ดำเนินการปิดกั้นท่าเรือและโป๊ะพร้อมทั้งติดตั้งป้ายห้ามใช้งานเรียบร้อยแล้ว สำหรับสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาในวันลอยกระทงฐานน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะขึ้นสูงสุด เวลา 17.13 น. ที่ระดับ +1.06 ม.รทก. อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งนี้ โป๊ะและท่าเทียบเรือที่มีความปลอดภัยตามมาตรฐานต้องมีลักษณะ ดังนี้ ตัวท่าเรือและโป๊ะจะมีความมั่นคงแข็งแรง ไม่ผุกร่อน เสากันโป๊ะและอุปกรณ์ยึดโป๊ะมีความมั่นคงแข็งแรง โป๊ะเทียบเรือมีการลอยตัวที่สมดุล มีราวกันคนตกน้ำบนโป๊ะ มีพวงชูชีพติดตั้งไว้ในบริเวณที่สามารถนำไปใช้ได้สะดวก มีป้ายแสดงจำนวนผู้โดยสารที่โป๊ะสามารถรับน้ำหนักได้ ติดตั้งยางกันกระแทก กล้องวงจรปิด (CCTV) ที่ติดตั้งบริเวณโป๊ะและท่าเทียบเรือสามารถใช้งานได้ไม่มีความชำรุดบกพร่องใดๆ และการเดินทางเข้าถึงโป๊ะและท่าเทียบเรือมีความสะดวกและปลอดภัย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image