สืบเนื่องกรณีไล่รื้อชุมชนป้อมมหากาฬซึ่งยืดเยื้อมานาน 24 ปี กระทั่งกทม. เข้ารื้อบ้านจำนวน 16 หลัง ระหว่างวันที่ 3-4 ก.ย.ที่ผ่านมา และแจ้งรื้อถอนอีกครั้งระหว่างวันที่ 28-29 ก.ย. แต่ไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ กระทั่งวันที่ 30 ก.ย. ได้ลงพื้นที่เตรียมการรื้อถอน นำไปสู่การออกแถลงการณ์ของชุมชน นักวิชาการ และกสม. ได้ข้อตกลงเบื้องต้นว่า กทม. จะเข้ารื้อถอนครั้งต่อไปในวันที่ 6 ต.ค. นี้
ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ตั้งแต่ช่วงเช้า ประตูทางเข้า-ออกหลักของชุมชน คือฝั่งตรอกพระยาเพชรปาณี ริมถนนมหาไชย ตรงข้ามวัดราชนัดดาราม ยังคงมีแผงเหล็ก และแผ่นไม้ขนาดใหญ่กั้นไว้ โดยมีชาวบ้านเป็นเวรยามตรวจตราคนเข้า-ออกอย่างเคร่งครัด เมื่อได้รับอนุญาตจะได้รับแจกเข็มกลัดริบบิ้นสีชมพูบานเย็น เพื่อติดเป็นสัญลักษณ์ เนื่องจากระหว่างวันที่ 1-2 ก.ย.จะมีเครือข่ายชุมชนต่างๆ และกลุ่มสมาพันธ์พัฒนาองค์กรชุมชนคนจนเมืองแห่งชาติ (สอช.) รวมกว่า 700 คนเดินทางมาพักอาศัยในชุมชนป้อมมหากาฬชั่วคราว เพื่อเตรียมตัวร่วมเดินขบวนในงานวันที่อยู่อาศัยโลก (World Habitat Day) ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำในทุกวันที่ 3 ต.ค. ของทุกปี โดยในปีนี้คาดว่าจะมีการรวมตัวบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า แล้วเดินขบวนไปยังจุดต่างๆ และสิ้นสุดที่อาคารสหประชาชาติ บนถนนราชดำเนินนอก
เมื่อเวลา 09.00 น. นายวสันต์ พานิช อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เดินทางมาพูดคุยกับนายธวัชชัย วรมหาคุณ ประธานชุมชนป้อมมหากาฬ นายธวัชชัย ได้มอบเอกสารต่างๆ ประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับพรก.เวนคืนพื้นทีซึ่งเกี่ยวเนื่องกับชุมชนป้อมมหากาฬ และแผ่นพับที่กลุ่ม “มหากาฬโมเดล” ทำขึ้น
นายวสันต์ กล่าวว่า กสม. ได้รับเรื่องราวร้องเรียนจากชุมชนป้อมมหากาฬตั้งแต่พ.ศ. 2546 ซึ่งขณะนั้นตนเป็นคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ จนเรื่องราวดำเนินมาจนถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า 10 ปี ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาพรก.เวนคืนที่เกี่ยวข้องกับชุมชน เมื่อปี 2535 พบว่า มีกำหนดอายุเพียง 4 ปี ทว่า ขณะนี้เวลาล่วงเลยผ่านมานานนับ 10 ปี ถือว่าหมดอายุแล้ว
“ป้อมมหากาฬได้รับเรื่องร้องเรียนตั้งแต่ กสม. ชุดแรก เมื่อ พ.ศ. 2546 วันนี้เดินทางมาให้กำลังใจชาวบ้าน ซึ่งที่นี่เป็นชุมชนประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน การทำสวนสาธารณะไม่คุ้มค่า ยกตัวอย่างเช่น สวนสักย่านวิภาวดี ซึ่งมีแต่ผมและภรรยาไปวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า ใช้กันอยู่แค่ 2 คน ถามว่าคุ้มไหม สักก็ปลูกแล้วทิ้งเลย ไม่มีคนดูแล ทำแบบนี้ผลาญงบประมาณชาติ นอกจากนี้ พรก.เวนคืนฯ ฉบับที่เกี่ยวกับชุมชนป้อมมหากาฬ มีอายุแค่ 4 ปี เมื่อปล่อยให้ล่วงเลยมาถึงขนาดนี้ ถือว่าหมดอายุแล้ว ซึ่งชาวบ้านสามารถร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง เพื่อขอให้ชะลอการรื้อถอนถ้ารัฐเห็นความสำคัญสามารถยกเลิกพรก. ได้เลย ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งเป็นหน้าที่รัฐโดยตรง รัฐบาลมีอำนาจตรงนี้ ผมขอเสนอรัฐว่าควรให้นักกฎหมายช่วยพิจารณา” นายวสันต์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในป้อมมหากาฬคึกคักตลอดทั้งวัน โดยมีชาวบ้าน สอช. ทยอยเดินทางมายังชุมชน โดยรวมตัวกันบริเวณลานกลางชุมชน ซึ่งนายพรเทพ บูรณบุรีเดช รองประธานชุมชนป้อมมหากาฬ มีการเล่าถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ให้รับทราบและเข้าใจร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนหนึ่งเข้าเยี่ยมชมบ้านไม้โบราณ ซึ่งชาวบ้านต้อนรับให้เยี่ยมชมตามปกติ โดยต้องติดริบบิ้นสีชมพูบานเย็นเป็นสัญลักษณ์ด้วย