เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ประธานคณะกรรมการการแพทย์ของ สปส.ได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการการแพทย์โดยยกเลิกบัญชีประกาศแนบท้ายหลักเกณฑ์สิทธิการรักษาทันตกรรมผู้ประกันตนของ สปส.ภายใต้วงเงินคนละ 900 บาทต่อปีแล้ว หลังจากนี้ ผู้ประกันตนที่ไปใช้บริการทันตกรรมในสถานพยาบาลรัฐและเอกชนทั่วไป ก็สามารถไปใช้บริการทันตกรรมได้ แต่ต้องสำรองจ่ายเงินไปก่อนและผู้ประกันตนมายื่นเรื่องเบิกเงินกับ สปส.ภายหลัง แต่ไม่เกินคนละ 900 บาทต่อปี โดยสามารถยื่นเบิกได้ในครั้งเดียวหรือจะยื่นหลายครั้งก็ได้
เลขาธิการ สปส.กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันโครงการนำร่องทำฟันโดยไม่ต้องสำรองจ่ายไปก่อนใน 30 หน่วยบริการ ก็ได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งผู้ประกันตนที่ใช้บริการทันตกรรมในสถานพยาบาลรัฐและเอกชนในโครงการนำร่องไม่ต้องสำรองจ่ายเงินไปก่อน ทั้งนี้ ให้สถานพยาบาลรัฐและเอกชนในโครงการนำร่องมาเรียกเก็บเงินจาก สปส.โดยตรง ซึ่งมีเกณฑ์กำหนดอัตราเบิกจ่ายตามจริง แต่ไม่เกินคนละ 900 บาทต่อปี ซึ่งในส่วนของสถานพยาบาลรัฐจะยึดตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ขณะที่สถานพยาบาลเอกชน ก็จะให้แจ้งอัตราค่าบริการทันตกรรมต่างๆ ทั้งอุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน มายัง สปส. เพื่อจะได้แจ้งผู้ประกันตนให้ทราบ
นพ.สุรเดชกล่าวด้วยว่า โครงการนำร่องทำฟันฯดำเนินการใน 30 หน่วยบริการ ใน 19 จังหวัด ได้แก่ กทม. สมุทรปราการ ปทุมธานี อ่างทอง ร้อยเอ็ด เชียงใหม่ ชัยภูมิ สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม ชุมพร พังงา สตูล จันทบุรี บึงกาฬ มุกดาหาร ยโสธร แพร่ อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี โดยมีสถานพยาบาลรัฐและเอกชนที่ทำสัญญาเข้าร่วมโครงการกับ สปส. 78 แห่ง ทั้งนี้ ระยะ 3 เดือนตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงธันวาคมนี้ จะประเมินผลการดำเนินการโดยดูถึงจำนวนผู้ใช้บริการ ปัญหาและข้อร้องเรียนต่างๆ เพื่อวางแนวทางแก้ไขก่อนที่จะขยายผลโครงการนำร่องฯให้ครอบคลุมทั่วประเทศในปีหน้า