แจ้งความ ‘ประธานสโมสรฟุตบอลดังอีสาน’ โกงสลากกินแบ่งฯ เสียหายนับพันล้าน

แจ้งความ ‘ประธานสโมสรฟุตบอลดังอีสาน’ โกงสลากกินแบ่งฯ เสียหายนับพันล้าน

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 14 มกราคม ที่ สภ.เมืองขอนแก่น นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ได้นำ น.ส.วิชุดา พลดาหาญ อายุ 42 ปี เข้าพบกับ พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น และ พ.ต.ท.จตุเรศ ดอนอ่อนเบ้า สว.(สอบสวน) สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับประธานสโมสรฟุตบอลชื่อดังแห่งหนึ่งในภาคอีสาน พร้อมภรรยาและตัวแทนหลอกขายสลากกินแบ่งรัฐบาลราคาถูก พร้อมด้วยหลักฐานข้อความแชตพูดคุยตกลงซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคา 75-80 บาท รวมมูลค่าความเสียหายเฉพาะของ น.ส.วิชุดา รวมกว่า 12 ล้านบาท ซึ่งจะมีผู้เสียหายทยอยเดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองขอนแก่น อีกหลายราย

นายษิทราให้การว่า ภายหลังจากผู้เสียหายได้ติดต่อเข้ามาขอคำปรึกษาพร้อมมอบหมายให้ทำคดีดังกล่าว จึงได้พาผู้เสียหายเข้าแจ้งความเอาผิดกับประธานสโมสรดังกล่าวพร้อมด้วยภรรยาและผู้ร่วมขบวนการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมประมาณ 6-7 คน ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โดยใช้เทคนิคโพสต์ภาพสลากกินแบ่งรัฐบาลจำนวนมาก ในราคาใบละ 75-80 บาท ลงในโซเชียลมีเดีย ทั้งประธานสโมสรและตัวของภรรยา กระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อและลงทุนซื้อไปแต่ไม่ได้รับสลากและไม่ได้เงินคืน

“เบื้องต้นพบผู้เสียหายนอกจากที่มาแจ้งความในวันนี้รวมกว่า 300 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคอีสานและในเขตกรุงเทพฯ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท โดยในรายของผู้เสียหายที่มาแจ้งความในวันนี้ ครั้งแรกที่ลงทุนได้รับสลากจริง และได้กำไรมา จำนวน 150,000 บาท ก็ทำให้คิดว่าเป็นเรื่องจริง จึงลงทุนเพิ่มไปอีก รวม 12 ล้านบาท สุดท้ายไม่ได้รับของและไม่ได้รับเงิน โดยพฤติกรรมของผู้กระทำความผิดนั้นจะมีการโพสต์หลอกเหยื่อว่ามีโควต้าสลากราคาถูก ใบละ 75-80 บาท ขายเป็นกล่อง กล่องละ 500 ใบ โดยครั้งแรกที่ลงทุนจะเป็นการปันผลกำไรให้ก่อนในหลักแสน เมื่อผู้เสียหายได้รับเงิน หลงเชื่อ ก็มีการเพิ่มการลงทุนเป็นหลักล้านบาท คล้ายกับแชร์ลูกโซ่ ซึ่งอยากจะเตือนทุกๆ คนว่าไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ อย่าหลงเชื่อโดยเด็ดขาด”

Advertisement

ขณะที่ พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า ในส่วนของทางตำรวจนั้นก็จะทำการสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมด และรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำ หากพบเข้าข่ายการกระทำความผิดส่วนใดก็จะมีการแจ้งข้อหาให้ทราบ ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานทั้งหมด พร้อมทั้งจะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ซึ่งจะมีการประสานไปทาง ปปง.เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินว่าเชื่อมโยงไปที่ใครบ้างก็จะเรียกมาให้ปากคำ หากมีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งหมด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image