ทนายบุญมี พาเหยื่อเด็กเอนฯบุกสน.คลองตัน ตามคดีลูกค้าข่มขืนผ่านมา 5 เดือนยังไม่คืบ

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 มกราคม ที่ สน.คลองตัน นายบุญมี จอมหงษ์ ทนายความ พา น.ส.พลอย (นามสมมติ) อายุ 27 ปี เข้าพบ พ.ต.ท. กิตติ์ ยังมี รองผกก.(สอบสวน) สน.คลองตัน เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี กรณีถูกลูกค้า 2 คนข่มขืนโดยไม่ยินยอม และเกรงว่าคดีจะไม่คืบหน้า เนื่องจากเจ้าหน้าที่แจ้งว่าผลตรวจร่างกายจากแพทย์ไม่พบร่องรอยข่มขืน รวมถึงได้รับการติดต่อให้รับเงินเพื่อจบคดี

น.ส.พลอย เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ตนได้รับการว่าจ้างให้รับงานเอนเตอร์เทน ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านพระราม 4 แขวงวัฒนา เขตคลองเตย กรุงเทพฯ โดยมีผู้ว่าจ้างทั้งหมด 5 คน ในราคา 3,500 บาท และมีหญิงสาวทำหน้าที่เอนเตอร์เทน อีก 2 คนที่ไม่รู้จักกัน ถูกว่าจ้างให้มาทำงานนี้ด้วย โดยทำงานตั้งแต่ 22.00-04.00 น. ในช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน ตนถูกนายอาทิตย์ อายุ 36 ปี (สงวนนามสกุล) และนายสุธน (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ทำการข่มขืนในห้องน้ำของโรงแรมดังกล่าว ระหว่างเกิดเหตุ ตนได้แจ้งไปทางคนรักให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นตนและบุคคลทั้งหมดในงานดังกล่าวจึงถูกจับกุมในข้อหาฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉิน

ต่อมาวันที่ 17 สิงหาคม 2564 ตนได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.คลองตัน แต่คดีไม่คืบหน้า พนักงานสอบสวนอ้างว่าผู้ต้องหาติดโควิด-19 แต่เมื่อเห็นว่าคดีผ่านมาแล้ว 5 เดือน รวมถึงระหว่างการสืบสวนสอบสวนตำรวจอ้างว่าถุงยางอนามัยที่พบในที่เกิดเหตุไม่มีดีเอ็นเอของผู้ต้องหาและดีเอ็นเอของตน ส่วนผลตรวจร่องรอยข่มขืนจากโรงพยาบาลตำรวจ ตำรวจอ้างว่าแพทย์ลงความเห็นว่าไม่มีร่องรอยการข่มขืน จึงเห็นว่าคดีนี้ไม่ปกติและล่าช้า ต้องเร่งรัดเพื่อความเป็นธรรมของตนเอง ประกอบกับช่วงแรกมีเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามหว่านล้อมให้ยอมความคู่กรณีโดยสำทับว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอดำเนินคดีได้

น.ส.พลอย ยืนยันว่า ตนรับเพียงแค่งานชงเหล้า เล่นเกมส์ หรือ งานเอนเตอร์เทนเท่านั้น ไม่รับงานที่มีเพศสัมพันธ์แต่อย่างใด ส่วนกรณีที่เกิดขึ้น ไม่แน่ใจว่าลูกค้าวางแผนไว้ตั้งแต่ต้น หรือ อาการเมาเป็นเหตุให้ควบคุมตนเองไม่ได้ ปกติแล้วตนทำงานฟรีแลนซ์และทำงานกลางคืนกับคนรักที่สถานที่บันเทิงแต่ผับปิดเพราะโควิด-19 จึงหารายได้เสริมเพื่อส่งเงินให้ครอบครัว

Advertisement

นายบุญมี เปิดเผยว่า ในวันนี้ตนนำหลักฐานเป็นข้อความแชททางไลน์ที่ผู้เสียหายส่งหาคนรักให้มาพาตัวออกจากที่เกิดเหตุ และหลักฐานการโอนเงิน 20,000 บาท จากเพื่อนของผู้ต้องหาที่ต้องการให้ยอมความมามอบให้พนักงานสอบสวน หลังจากเข้าพบ พนักงานสอบสวนได้บอกกับตนว่าจะส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวน ให้กับพนักงานอัยการ ในวันที่ 27 มกราคมนี้ ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราในลักษณะการรุมโทรม แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ทั้งนี้ ตนได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ให้สอบปากคำคนรักของผู้เสียหาย และพ่อของผู้เสียหาย ที่ได้พูดคุยกับสาวเอนเตอร์เทนรายอื่นที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เพื่อเป็นประจักษ์พยานประกอบสำนวน โดยในวันเกิดเหตุ หลังจากเจ้าหน้าที่จับกุมผู้เสียหายและผู้ต้องหาในข้อหาฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉิน ผู้ต้องหาพยายามจะขอโทษ แต่ผู้เสียหายไม่ต้องการ เนื่องจากต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด หากพนักงานสอบสวนไม่ดำเนินการให้ถึงที่สุด จะยื่นเรื่องกับพนักงานอัยการต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image