นมโรงเรียน ตัวแปรสุขภาพ ตัวแปรคุณภาพเด็กไทย

ตอนเด็กๆ ใครๆ ก็ดื่มนม เราโตมาได้เพราะนม ทั้งนมแม่ และนมวัว

นมเป็นอาหารหลักที่ทำให้ทุกชีวิตเติบโตมาได้จนถึงวันนี้ เพราะประกอบด้วยอาหารหลักครบทั้ง 5 หมู่ เป็นส่วนประกอบสำคัญให้โตอย่างมีคุณภาพและมีร่างกายแข็งแรง

องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) กำหนดให้วันพุธสุดท้ายของเดือนกันยายนของทุกปีเป็นวันดื่มนมโรงเรียนโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะให้มีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง เพราะสารอาหารที่อยู่ในน้ำนมมีส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยเสริม และสร้างโครงกระดูกและฟัน หลายๆ หน่วยงานทั้งราชการ และภาคเอกชนได้เข้าไปส่งเสริมให้เด็กๆ ได้มีโอกาสดื่มนม เพื่อให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เติบโตอย่างมีคุณภาพแต่ดูจากสถิติในการดื่มนมของเด็กไทย โดยเฉลี่ยในแต่ละปีแล้ว ถือว่าน้อยมากๆ จนน่าใจหาย คือ ปีหนึ่งเด็กไทยจะดื่มนมแค่ 15 ลิตรเท่านั้น ขณะที่เด็กๆ ในอาเซียนจะดื่มปีละประมาณ 60 ลิตร แต่ถ้าเปรียบเทียบเด็กทั่วโลกแล้ว เด็กพวกนั้นจะดื่มนมโดยเฉลี่ยราว 104 ลิตรต่อปี จะเห็นได้ว่าเด็กไทยดื่มนมต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของในอาเซียนกับระดับโลก 4-7 เท่าเลย

เป็นผลสำคัญ ที่ทำให้เมื่อโตขึ้นมาเด็กไทยจะมีค่าเฉลี่ยในความสูง หรือความแข็งแรงสู้กับเด็กในภูมิภาคอื่นของโลกไม่ได้

Advertisement

IMG_3610

ธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บอกว่า เวลานี้รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมขึ้นมา หรือที่เรียกว่า มิลค์บอร์ด ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะดูภาพรวมของการบริหารจัดการนมทั้งระบบ ที่สำคัญอันหนึ่ง คือเรื่อง โครงการนมโรงเรียน มีหลักการสำคัญคือ ให้เด็กนักเรียนมีสุขภาพอนามัยที่แข็งแรงและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความแข็งแรง สามารถที่จะไปต่อสู้กับคนในภูมิภาคอื่นได้ โดยเฉพาะเรื่องของการดูแลตรงนี้คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมได้วางแผนการทำงานที่เป็นระบบ อันดับแรกเลย ได้ปรับโครงสร้างการบริหารจัดการ รวมทั้งการวางแผนถึงการพัฒนาคุณภาพ การผลิตและก็การแปรรูป รวมทั้งการขนส่ง จัดระบบให้มีมาตรฐานในการดูแลโคนม และหลังจากนั้นเมื่อมีการนำเอานมที่ได้จากโคเหล่านั้นมาถึงโรงงานแปรรูป ศูนย์รวมนมดิบต่างๆ จะต้องมีคุณภาพด้วย เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็จะมีการวางแผนไว้ ลงไปถึงเรื่องการนำเอาไปส่งต่อจากโรงงานแปรรูปทั้งหมดเหล่านี้ ไปยังโรงเรียน ไปถึงมือเด็กนักเรียนก็จะต้องมีขั้นตอนในการควบคุมด้วย เพราะฉะนั้นในขั้นตอนของการทำให้โครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนมีการพัฒนาจากในอดีตที่ผ่านมา ก็คือมีการควบคุมการผลิตตั้งแต่ต้นทางจากเกษตรกร จนไปถึงเมื่อผลิตได้แล้ว แปรรูปได้แล้ว ส่งต่อออกไปยังนักเรียน ก็ต้องมีการควบคุมอย่างดี รวมทั้งดูในเรื่องของคุณภาพน้ำนมด้วย ซึ่งอย่างหลังถือว่าสำคัญที่สุด

สำหรับเรื่องของการดื่มนม ต้องแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกก็คือ เรื่องของการส่งเสริมอาหารเสริม (นม) โรงเรียน อีกส่วนหนึ่งก็เป็น เรื่องของนมพาณิชย์ คือการส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมมีความมั่นคงในอาชีพมากยิ่งขึ้น

Advertisement

“นมโรงเรียนเราก็ส่งเสริมให้เด็กนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล ถึง ป.6 ซึ่งทั่วประเทศมีประมาณ 7,400,000 คน ได้รับนมที่มีคุณภาพที่ดีทุกวัน วันละอย่างน้อย 200 ซีซี เป็นเวลา 260 วันต่อปี ก็จะได้รับนมที่เอาไปเสริมสร้างสุขภาพให้มีความแข็งแรง อีกส่วนหนึ่งก็คือเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปได้ดื่มนมด้วย ซึ่งในส่วนนี้ทางคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ก็พยายามที่จะรณรงค์ส่งเสริมให้มีการดื่มนมให้มากขึ้น”

ปลัดกระทรวงเกษตรฯบอกอีกว่า นอกจากจะประชาสัมพันธ์ส่งเสริมภายในประเทศแล้ว อยากจะส่งเสริมร่วมกับพี่น้องประเทศเพื่อนบ้าน หรือในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย เพราะตอนนี้เราอยู่ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนด้วยกัน ก็จะเป็นส่วนสำคัญในการที่จะให้เด็กและเยาวชนของทั้งคนไทยเองและประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งอาเซียนมีสุขภาพแข็งแรง

และก็เป็นการช่วยส่งเสริมให้อาชีพการเลี้ยงโคนมของประเทศไทยเราสามารถที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มอาเซียนได้ด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image