เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 10 ตุลาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมด้านความมั่นคง โดยมีกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค (บช.ภ.) 1, 2, 7 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม โดยใช้เวลาในการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง
พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า การประชุมวันนี้เนื่องจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายพอล โฟลีย์ เอกอัครราชทูตด้านการต่อต้านการก่อการร้ายสหพันธ์ออสเตรเลีย พร้อมด้วยนายพอล โรเบิลริยาร์ด เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย มีความร่วมมือเรื่องการป้องกันก่อการร้ายร่วมกันได้สอบถามข้อมูลความคืบหน้าการเฝ้าระวังการก่อการร้ายในไทย จึงได้เรียกประชุมและกำชับทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง โดยยอมรับว่าการข่าวมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีเตรียมก่อเหตุคาร์บอมบ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณทล แต่เป็นเรื่องปกติที่มีการข่าวออกมา ส่วนการข่าวมีการแจ้งเตือนว่า วันที่ 25-30 ตุลาคมนี้จะมีการก่อเหตุนั้น การข่าวลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นทั่วโลก ตนได้กำชับไปยังพื้นที่ให้กวดขัน จับกุม ตรวจค้นรถต้องสงสัย การเดินทางของกลุ่มคนร้าย และการปิดล้อมตรวจค้น การเฝ้าระวังก็มีตลอด เป็นไปตามแผนการป้องกันการก่อการร้ายสากล และไม่ได้เฝ้าระวังจุดใดเป็นพิเศษ แต่มีการเพิ่มความเข้มตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ สถานทูต จุดล่อแหลม และสถานที่เชิงสัญลักษณ์
พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนตุลาคม ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มักจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะวันครบรอบวันสถาปนากลุ่มบีอาร์เอ็น เจ้าหน้าที่ความมั่นคงมีการวิเคราะห์ตามสถานการณ์ ส่วนการแจ้งเตือนจะมีนัยยะอะไรหรือไม่นั้นไม่สามารถตอบได้ ตอนนี้มีการจับตากลุ่มเคลื่อนไหวหลายกลุ่มในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และชาวต่างชาติ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ น่าจะเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับคดีระเบิดและวางเพลิงในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ที่ก่อเหตุเมื่อวันที่ 11-12 สิงหาคมที่ผ่านมา ไม่ทราบว่ากลุ่มเหล่านี้มีวัตถุประสงค์อะไร แต่คาดว่าน่าจะสร้างสถานการณ์ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่นั้นยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่มีหลักฐาน
ทั้งนี้ มีรายงานว่าการประชุมวันนี้เนื่องจากสายข่าวระบุว่ามีกลุ่มคนร้ายจะประกอบระเบิดคาร์บอมบ์แล้วนำมาก่อเหตุในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลในช่วงระหว่างวันที่ 25-30 ตุลาคม จำนวน 3 จุด โดยมีเป้าหมายพื้นที่เสี่ยงต่างๆ อาทิ ห้างสรรพสินค้า ลานจอดรถ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสำรวจข้อมูลพื้นที่เสี่ยงที่อาจตกเป็นเป้าหมาย พร้อมกับจัดทำแผนเผชิญเหตุกรณีก่อการร้ายและก่อวินาศกรรม โดยมาตรการก่อนเกิดเหตุเน้นสืบสวนหาข่าว จัดเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็น ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาตรการขณะเกิดเหตุ เน้นรักษาสถานที่เกิดเหตุ การตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าสืบสวนหาข่าวเชิงลึกเพื่อควบคุมเหตุการณ์และจัดการแก้ไขปัญหา และมาตรการหลังเกิดเหตุ เน้นการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยาน หลักฐาน ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ-ตาย และการฟื้นฟูสถานที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งให้สืบสวนหาข่าวเชิงลึกด้านความมั่นคง ติดตามกลุ่มบุคคลเป้าหมาย
