ร่วมช่วยอดีตพลทหารพ้นคุก เก็บไม้ซ่อมบ้านเก่า

(10 ก.พ.59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เรือนจำกลาง จ.ลำปาง นายสัจพันธุ์  จารณา อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นอดีตพลทหารผ่านศึก ได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้วหลังถูกแจ้งความ และตกเป็นผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ ถูกศาลจังหวัดลำปางพิพากษาจำคุก 16 เดือน ทั้งนี้ ก่อนที่จะถูกจับกุมและถูกตัดสินให้จำคุกนั้น นายสัจพันธุ์  ได้ไปเก็บไม้แผ่นเพียงแผ่นเดียวยาวประมาณ 2 เมตรกว้างประมาณ 1 คืบ ที่วางอยู่ริมถนนใกล้กับโรงงานน้ำตาลเกาะคา โดยนายสัจพันธุ์ คิดว่าเป็นไม้ที่ถูกทิ้ง ไม่มีใครเองแล้ว จึงเก็บมา เพื่อทำการซ่อมแซมฝาบ้านที่เป็นรู จนกระทั่งถูกแจ้งความ และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะคา มาจับกุม นายสัจพันธุ์  และแกะเอาไม้แผ่นที่ยึดติดกับตัวบ้านไปด้วย เพื่อเป็นของกลางในการประกอบคดีดังกล่าว หลังถูกจับตัวไปปรากฏว่าถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ของโรงงานน้ำตาล อ.เกาะคา จ.ลำปาง กระทั่ง นางฟองจันทร์ ศรีบุญเรือง อายุ 55 ปี แม่ของนายสัจพันธุ์ ออกมาขอความเป็นธรรมกับ นายเอกสิทธิ์ มานะรุ่งโรจน์ ทนายความอาสาชาวบ้านชื่อดังใน จ.ลำปาง ที่ทราบเรื่อง ก็ได้เข้าไปรับทราบ และช่วยเหลือในที่สุด

นางฟองจันทร์ เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อประมาณต้นปี 2558 นายสัจพันธุ์  ได้ทะเลาะกันกับภรรยาเก่า และได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านหายไป ภรรยาเก่าจึงไปแจ้งความให้ช่วยติดตามหา นายสัจพันธุ์ และรถจักรยานยนต์ พร้อมกล่าวหาว่า นายสัจจพันธุ์ขโมยรถจักรยานยนต์ของภรรยาเก่าไป แต่ความจริงแล้วรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเป็นรถจักรยานยนต์ที่เช่าซื้อมาด้วยกัน พร้อมกันนี้ภรรยาเก่า ยังอ้างว่า นายสัจพันธุ์ ไปขโมยไม้ของโรงน้ำตาลเกาะคา มาไว้ที่บ้าน กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตามมาจับกุม และถูกดำเนินคดี ซึ่งทาง นายสัจพันธุ์  ก็ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด และเนื่องจากตนเองไม่มีทรัพย์สินไม่มีเงินมากพอที่จะจัดจ้างทนายความ สุดท้าย นายสัจจพันธุ์ ก็ถูกตัดสินจำคุก 16 เดือนโดยไม่รอลงอาญา จึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานทหารต้นสังกัด ที่อดีตลูกชายตนเองสังกัดอยู่ ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อเป็นขวัญ และกำลังใจ ให้กับ นายสัจพันธุ์ และครอบครัว สำหรับ นายสัจพันธุ์  เป็นอดีตพลทหารผ่านศึก ประจำการอยู่ที่ ฐานไอร์กาแซ ร้อย .ร.1721 ฉก.37 นราธิวาส

ด้านนายเอกสิทธิ์ มานะรุ่งโรจน์ ทนายความอาสาชาวบ้านชื่อดังใน จ.ลำปาง ได้เข้ารับทราบความเดือดร้อน จึงได้ช่วยเหลือ และพยายามติดต่อทำเรื่องขอประกันตัว  นายสัจจพันธุ์ เพื่อมาพิสูจน์ความจริงกันในชั้นศาลอุทธรณ์อีกครั้ง แต่ทั้งทางทนายความอาสา และครอบครัวของ นายสัจพันธุ์  ไม่มีเงินมากพอที่จะใช้เป็นหลักทรัพย์ในการนำไปประกันตัววงเงินประมาณ 30,000 บาท ทาง นายเอกสิทธิ์ จึงได้โพสข้อความผ่านทางโซเชียงมีเดีย เพื่อระดมเงินช่วยเหลือจากประชาชนชาวลำปาง ด้านครอบครัวของ นายสัจพันธุ์  ที่หวังว่า นายสัจพันธุ์  จะสามารถออกมาสู้คดีได้ จึงได้นำบานประตูไม้ ทั้งหน้าบ้าน ห้องนอนและห้องน้ำ ซึ่งเป็นไม้สักไปขายได้เงินมา 1,000 บาท และเงินที่เก็บหอมรอมริบไว้ของแม่นายสัจพันธุ์ ตลอดจนหยิบยืมเพื่อนบ้านรวบรวมแล้วได้ 10,000 บาท กระทั่งชาวลำปางช่วยเหลืออีกเป็นเงินกว่า 10,200 บาท เพื่อรวบรวมเงินทั้งหมดจะเตรียมไปประกันตัว ทำให้เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์สะพัดไปยังเฟซบุ๊กอย่างกว้างขว้าง

201602101317053-20110510201751

Advertisement

จากนั้น พล.ต. วิจักขฐ์ สิริบรรสพ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี จ.ลำปาง ซึ่งทราบเรื่อง จึงได้สั่งการให้เชิญตัวแม่ของพลทหารสัจพันธุ์ เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องราวดังกล่าว โดยทางครอบครัวให้การยืนยันว่า  นายสัจพันธุ์ เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ก็เคารพคำตัดสินของศาล แต่อยากให้ออกมาได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ ในชั้นอุทธรณ์ แต่ด้วยสภาพครอบครัวที่ยากจนหาเช้ากินค่ำ จึงอยากขอให้ทางทหารเข้ามาช่วยเหลือ จากนั้น พล.ต. วิจักขฐ์ ได้ประสานให้ พ.ท.สุรศักดิ์ สุขแสง ผู้บัญชาการ ร.17 พัน.2 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี จ.ลำปาง ซึ่งเป็นหน่วยทหารต้นสังกัด ร่วมกับทนายความอาสาชาวบ้าน เข้ายื่นประกันตัว นายสัจพันธุ์ เพื่อให้ออกจากเรือนจำกลางลำปาง โดยใช้ตำแหน่งของ ร.อ. สุพรรณ สิทธิกุล เข้าประกันตัวต่อศาลจังหวัดลำปาง กระทั่ง นายสัจพันธุ์ ได้รับความเมตตาจากศาล อนุญาติให้ปล่อยตัวชั่วคราว

นายสัจพันธุ์ หลังก้าวเท้าพ้นจากประตูเรือนจำก็ได้ยกมือไหว ร.อ.สุพรรณ สิทธิกุล ปฎิบัติหน้าที่นายทหารฝ่ายธุรการและกำลังพล อดีตผู้บังคับบัญชา และเป็นนายประกันให้ จากนั้นได้ขอบคุณ นายเอกสิทธิ์ ทนายความอาสาชาวบ้าน ที่ให้การช่วยเหลือ พร้อมเปิดเผยว่า ขอขอบพระคุณผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ที่ ให้การช่วยเหลือสั่งการให้นายทหารเข้าช่วยเหลือดูแลด้านคดี ตลอดจนให้การช่วยเหลือเรื่องการประกันตัว พร้อมทั้งกล่าวว่ารู้สึกดีใจที่กองทัพไม่ทอดทิ้งอดีตพลทหารอย่างตน ตนเองเหมือนคนที่ตายแล้วได้เกิดใหม่ ซึ่งในตอนแรกที่ถูกตัดสินให้จำคุก ตนเองก็รู้สึกเสียใน และจำยอมต้องก้มหน้ารับกรรม ตนเองไม่เคยแม้แต่คิดที่จะลักทรัพย์ หรือลักขโมยของใคร และครั้งนี้ตนต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ตนได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ ของตนเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image