ห่วง! ไข้เลือดออกระบาดหนักไม่แพ้โควิด สธ.คาด เดงกี 2 อาการเบื้องต้นเหมือนกันเป๊ะ

ห่วง! ไข้เลือดออกระบาดหนักไม่แพ้โควิด สธ.คาด เดงกี 2 อาการเบื้องต้นเหมือนกันเป๊ะ

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงโรคไข้เลือดออกที่คาดว่าจะมีการระบาดหนักในปีนี้ ว่า โรคไข้เลือดออกเป็นโรคประจำถิ่นของไทย ข้อบ่งชี้การระบาดไข้เลือดออกคือ ลูกน้ำยุงลาย ตอนนี้เราสำรวจพบว่าดัชนีลูกน้ำยุงลายเริ่มเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะต้นปีนี้มีฝนมาก เราจับสัญาณว่า ไข้เลือดออกน่าจะมาแรง คาดเริ่มระบาดหลังสงกรานต์ และน่าจะระบาดมาก เพราะธรรมชาติของไข้เลือดออกจะระบาดลักษณะ 1 ปีเว้นปี หรือเว้น 2 ปี เนื่องจากไข้เลือดออกมี 4 สายพันธุ์ คนที่ติดเชื้อก็จะมีภูมิคุ้มกันอยู่ได้ 1 ปี ไม่ติดสายพันธุ์อื่น ซึ่งไข้เลือดออกไม่ได้ระบาดในไทยมา 2 ปีแล้ว ฉะนั้น คาดว่าคนไทยภูมิคุ้มกันต่อไข้เลือดออกจะต่ำมาก โดยปีนี้คาดว่าจะเป็นไข้เลือดออกสายพันธุ์ 2 ซึ่งสายพันธุ์นี้น่ากังวล เพราะหากติดเชื้อร่วมกับสายพันธุ์อื่น ก็จะทำให้โรคมีความรุนแรง มีโอกาสเสียชีวิตสูง ทั้งนี้ ไข้เลือดอกไม่มียาต้านไวรัสเฉพาะ โดยจะมีจุดวิกฤตคือ เมื่อไข้สูงแล้วไข้กำลังลด หลังจากนั้นจะมีอาการเลือดออก ช็อก ดังนั้น ช่วงนี้ต้องประคับประคองให้ดีใกล้ชิด เช่น ดูดเลือดออก ให้สารน้ำเพื่อป้องกันอาการช๊อก และหากเลือดออกมาก ก็จะเกิดน้ำท่วมปอดเสียชีวิตได้

นพ.โอภาส กล่าวว่า อาการไข้เลือดออกช่วงแรกใกล้เคียงโควิด-19 มาก และด้วยโควิด-19 ระบาดทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ เมื่อติดเชื้อพร้อมกัน อาการช่วงแรกจะมีไข้ซึ่งอาจจะแยกไม่ออก ยกเว้นจะมีอาการระบบทางเดินหายใจชัดว่าเป็นโควิด-19 เช่น น้ำมูก เจ็บคอ แต่ถ้ามีไข้ ปวดเมื่อยตัว ปวดหัวมาก คลื่นไส้อาเจียน กินอาหารไม่ได้ ก็จะเป็นอาการไข้เลือดออก ฉะนั้น หากมีอาการคล้ายเป็นไข้เลือดออก ก็ขอให้พบแพทย์ เจาะเลือดวินิจฉัย

“อย่าคิดว่าตัวเองเป็นเฉพาะโควิด-19 และ 2 โรค เป็นพร้อมกันได้ เราก็เจอผู้เสียชีวิตแล้ว อาการมีไข้ ปวดหัว มีน้ำมูกนิดหน่อย คิดว่าเป็นโควิด ตรวจเจอโควิด-19 แต่อาการเริ่มแย่ลง มีอาเจียนเป็นเลือด แพทย์เจาะเลือดตรวจพบไข้เลือดออก ฉะนั้น ถ้าเจออาการแปลกๆ ไม่แน่ใจ ให้รีบพบแพทย์” นพ.โอภาส กล่าวและว่า ขอให้ทุกคนฝ่าย ทั้งผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ช่วยกันกำจัดลูกน้ำในภาชะที่มีน้ำขัง เพื่อลดโอกาสเกิดยุงลาย

Advertisement

นพ.โอภาส กล่าวด้วยว่า สำหรับ 3 เดือนแรกของปีนี้ พบการเสียชีวิตแล้ว 3 รายเมื่อเทียบกับปีที่แล้วทั้งปีเสียชีวิต 6 ราย สำหรับกลุ่มที่ต้องระวัง เดิมจะเกิดในเด็ก แต่หลังๆ พบในผู้ใหญ่มากขึ้น เนื่องจากพ่อแม่เริ่มป้องกันลูกมากขึ้น แต่ผู้ใหญ่อาจจะไม่ได้ระวังตัว แม้แต่อายุ 60 ปีก็เป็นได้ เป็นได้ทุกกลุ่มอายุคิดว่าเป็นไข้หวัดทั่วไป หรือโควิด ดังนั้นเป็นเรื่องที่ต้องระวัง

นพ.โอภาส กล่าวว่า ขณะนี้ กรมควบคุมโรค เตรียมแผนรองรับแล้ว ซึ่งพรุ่งนี้ (22 มีนาคม 2565) จะมีการเสนอในที่ประชุมสำนักงานปลัด สธ.เพื่อให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) นำแผนปรับใช้ ผ่านกลไกคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ที่ไม่ได้ดูเฉพาะโควิดอย่างเดียว แต่ต้องดูโรคที่ก่ออันตรายให้ประชาชนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แผนแบ่งเป็นระยะ ในส่วนระยะก่อนระบาด จะต้องติดตามดูกรณีเจอคนไข้สงสัยรายแรก ก็ให้รีบเข้าไปควบคุม ซึ่งขณะนี้เราได้ตั้งหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อนำโดยแมลง เพื่อสำรวจและพ่นสารเคมีกำจัดลูกน้ำยุงลาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้เสียชีวิตจากไข้เลือดออกปีนี้เกิดจากรู้ตัว และรักษาช้าหรืออย่างไร นพ.โอภาส กล่าวว่า เกิดขึ้นทั้งจากรู้ตัวช้า คิดว่าติดโควิด-19 คิดว่าจะไม่เป็นอะไร และไม่นึกว่าไข้เลือดออกปีนี้จะมาแรงและเร็ว บางคนคิดว่าเป็นไข้หวัดธรรมดาก็ไปกินยาลดไข้ ในกลุ่มของเอ็นเสด (NSAIDs) หรือแอสไพริน จะทำให้เลือดออกในทางเดินอาหารมากขึ้น ซึ่งผู้เสียชีวิตปีนี้เป็นวัยรุ่นและผู้ใหญ่ ยังไม่พบเด็กเล็กเสียชีวิต แต่ต้องระวังต่อไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image