เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และอดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงความจงรักภักดีของประชาชนที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พร้อมน้ำตาคลอ ว่า แม้ขณะฝนตกฟ้าคะนอง แต่ประชาชนก็ไม่ถอย เห็นแล้วอธิบายไม่ถูก ความจงรักภักดี ความศรัทธา ที่ทุกคนเห็นพระองค์ท่านเป็นยิ่งกว่าพ่อ ยังไม่รู้เลยว่าถ้าเป็นพ่อเราฝนตกอย่างนี้จะวิ่งหนีหรือไม่
“จากความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศครั้งนี้ ขอให้กลายมาเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ในการทำสิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้เพื่อประโยชน์ของผู้อื่น ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนและประเทศชาติเจริญก้าวหน้า สมตามพระราชปณิธานของในหลวงถวายเป็นพระราชกุศล นั่นคือสิ่งที่พระองค์ท่านอยากให้มี อยากให้เกิดขึ้นในประเทศไทย สำคัญกว่าสิ่งอื่นคือต้องมีความสามัคคีกัน ไม่เพ่งโทษ พยายามที่จะสนับสนุนเกื้อกูลสิ่งที่ดีให้ประเทศนี้ กระทรวงพร้อมทำทุกอย่างตาม ข พระราชปณิธานพระองค์” นพ.ปิยะสกล กล่าว
เมื่อถามว่าพระราชดำริของในหลวงที่รัฐมนตรี สธ.ยึดเหนี่ยว นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ที่ชัดเจนคือในชีวิตของพระองค์ท่านทำประโยชน์เพื่อคนอื่นมาตลอด ท่านเสียสละพระวรกาย ปัญญา ความคิดเพื่อประชาชนโดยแท้โดยไม่มีสิ่งใดแอบแฝง เราจะเห็นหรือไม่เห็นท่านก็ทำ เมื่อท่านจากไปสิ่งต่างๆ ก็ปรากฏ นี่คือปรัชญา ความเชื่อที่ตนยึดในการดำรงชีวิต หลายๆ คนก็เป็นเช่นนี้
เมื่อถามว่า พระองค์ท่านเคยมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับงานด้านสาธารณสุขอย่างไร นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า พระองค์ท่านเห็นว่าเรื่องสุขภาพของทุกชีวิตเป็นความสำคัญที่สุด เพราะการจะพัฒนาสิ่งใดให้เกิดขึ้นได้ สุขภาพคนคนนั้นต้องดี ดังนั้น จะเห็นว่าพระองค์ท่านคำนึงถึงสุขภาพของประชาชน รวมไปถึงเรื่องน้ำ เรื่องฝน เรื่องการพัฒนาแหล่งประกอบอาชีพของประชาชน คือ สิ่งที่พระองค์ท่านต้องการและก็ปรากฎให้เห็นชัด และเบื้องหลังการที่พระองค์ท่านเสด็จไปที่ไหนก็ตามจะมีทีมแพทย์พระราชทาน ติดตามเวลาเสด็จพระราชดำเนินไปในที่ต่างๆนั้น ไม่ได้แค่ให้การรักษาพยาบาลอย่างเดียว ยังคอยถวายรายงานที่เป็นประโยชน์ที่จะนำไปใช้เป็นข้อมูลเพื่อวางแผนการป้องกันโรคให้กับประชาชนได้ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ และพระองค์ท่าน ซึ่งสิ่งนั้นตนเห็นว่าสำคัญอย่างยิ่ง และพระองค์ก็ทำอย่างนั้นตลอดพระชนม์ชีพ เป็นการมองการพัฒนาอย่างครบวงจร ซึ่งพวกเราจะเดินตามพระองค์ท่านเช่นกัน
